ผ่านการว่ายน้ำทางไกล(5)-จักรยานทางไกล(200)-วิ่งทางไกล(42) ครบตามเงื่อนไขที่ตั้งไว้ในใจ ก็ได้เวลามองหางานไตรกีฬาระยะ Standard ลงเสียที อยากเลือกงานที่ได้มาตรฐานเพื่อประเดิม จะได้เรียนรู้ระบบการแข่ง การเตรียมตัว และการจัดการในงาน เผื่อเวลาสำหรับซ้อมประมาณ 3 เดือนก็มาตรงกับงานพัทยาไตรกีฬาพอดี ซึ่งออแกไนซ์เจ้านี้จัดงานวิ่ง-ไตรมาได้รับผลตอบรับเรื่องมาตรฐานดีพอดู ถึงเวลาเปิดรับมีหน้าที่แค่กดให้ทันก่อนเต็ม(เร็วมาก) และข่าวดีคือได้ประเดิมงานแรกด้วยระยะแถม คือปั่น 40>53 กม. และวิ่ง 10>13 กม. เกินจากปกติ อ่ะ..คุ้มล่ะมั้งมีของแถม ไปเตรียมตัวได้
การเตรียมตัว
การซ้อมก็ไม่มีไรมาก หาตารางจากเนตมาปรับให้เข้ากับตัวเรา แล้วก็บวกระยะเพิ่มไปหน่อยให้เข้ากับระยะแถม ซึ่งก็ไม่ได้ซ้อมหนักกว่าวิ่งฟลูมาราธอน แต่จำนวนครั้งถี่กว่าเนื่องจากต้องซ้อม 3 ชนิดกีฬา ปัญหาจะอยู่ที่การฟื้นตัวในแต่ละวัน แต่น่าเบื่อน้อยลงจากการได้สลับกีฬา ก็พอผ่านได้ตามโปรแกรม
ต่อมาที่ไม่ได้จำเป็นเหมือนการซ้อมแต่ก็เห็นหลายๆคนเตรียมกัน คือการงอกอุปกรณ์ -..- คราวนี้ก็งอกแรงหน่อยได้ของใหญ่เป็นจักรยานไตรกีฬาตัว entry level (งบได้แค่นี้) กับอุปกรณ์ติดรถเท่าที่จำเป็นนิดหน่อย หวังว่าจะได้ใช้ได้คุ้มในเร็ววัน
QR Kilo รถเดิมๆ ไม่มีอัพอุปกรณ์ใดๆ
ช่วงระหว่างซ้อมและก่อนวันงานมีเรื่องที่ค่อยดีเกิดขึ้นในชีวิตพอสมควร ถึงขนาดคิดว่าคงไม่ได้ไปร่วมงานแล้ว แต่คุณภรรยาผู้ซึ่งอยู่ในเวลาที่ยากลำบากกลับเป็นคนสนับสนุนให้ไปทำตามความตั้งใจให้สำเร็จ บอกตัวเองเลยว่าถ้าจะมาทางสายนี้การสนับสนุนและความเข้าใจจากคนใกล้ตัวสำคัญมาก เพราะฉะนั้นก็ควรจะต้องเป็นฝ่ายเห็นความสำคัญของพวกเขาให้มากด้วยเช่นกัน
ตัดมาวันลงทะเบียนรับ BIB ก่อนวันงาน ซึ่งจัดขึ้นที่โรงแรมดุสิตพัทยา นั่นแหละครับ วงเวียนที่รถติดๆน่ะแหละ ติดเข้าไปใหญ่ สถานที่กว้างขวางและดูดี Expo มีร้านมาออกเพียบเลยได้เสียเงินเพิ่มอีกนี๊ด การลงทะเบียนก็จัดการดีพอประมาณ อาจจะใช้เวลาหน่อยถ้าเทียบกับงานวิ่งเพราะของเยอะกว่า จะเสียหายนิดหน่อยก็ตรงสะกดชื่อผิดหลายคน ทั้งๆที่ข้อมูลพวกนี้ควรลิ้งกับข้อมูลที่เรากรอกสมัคร บางคนหาชื่อตัวเองไม่เจอ ส่วนผมก็ได้รับชื่อที่สะกดแบบงงๆเหมือนเอาชื่อไทยเรามาแปลงเป็นอังกฤษตามความน่าจะเป็นเอง ทั้งที่ก็กรอกของตัวเองไปตามพาสปอร์ตหรือเอกสารราชการแล้ว แต่ก็เอาน่ะรับเบอร์ได้เข้าแข่งได้ไม่มีปัญหา
ส่วนหนึ่งของ Expo
แว๊บออกจากงานมาไปเดินดูชายหาดตรงจุดปล่อยตัว ตามที่ตั้งใจไว้คืออยากมาลองว่ายน้ำดูก่อน เพราะห่วงเรื่องการเล็งทุ่นในน้ำตอนว่าย เนื่องจากเส้นทางว่ายเลี้ยวไปมามีรอบใน-รอบนอกอีกต่างหาก คงเพราะไม่อยากให้ยื่นไปในทะเลเยอะไป ลังเลอยู่ว่าจะลงดีไหมเพราะไม่มีคนเฝ้าของ แต่ก็ไม่ได้พกไรไปมาก เอาของไปวางไว้ใกล้ๆคณะที่อยู่กันเยอะๆ ถอดชุดแล้วก็ลงเลย วนไป 1 รอบ 750 ม.แล้วรู้สึกว่าคิดถูกที่มาลองก่อนเพราะเวลาว่ายจริงงงเรื่องทุ่นพอควรเนื่องจากมันซ้อนกันเพราะเส้นทางทบไปมา
ขึ้นมาจากน้ำก็เดินริมหายไปเนียนๆรอตัวแห้ง ใส่ชุดแล้วก็เดินกับไปที่ห้องลงทะเบียนรอจนเวลาบรีฟอธิบายกฏกติกาและเส้นทางการแข่งตามธรรมเนียม หลังจากได้เข้าฟังบรีฟไตรเป็นครั้งแรกแล้วก็สรุปได้ว่าถ้าอ่านศึกษากฎกติกาและเส้นทางมาจากเวปไซต์งานดีแล้ว ข้ามๆไปบ้างก็ได้ เหมือนเป๊ะเลย 555 (แต่ถ้าไม่เตรียมตัวมาเลยก็ควรต้องมาฟังให้รู้ไว้นะ)
ณ ขณะบรีฟ
ออกจากบรีฟมาเย็นมากแล้ว รีบเดินไปเอาจักรยานที่รถไปฝากไว้ที่จุดทรานซิชัน ซึ่งระยะทางไปทางเข้าไม่ไกลมาก แต่พอเข้ามาแล้วพื้นที่จอดรถจักรยานตั้งแต่เริ่มจนสุดไกลมากกก เพราะกั้นถนนริมหาดไว้แค่เลนเดียวการแขวนจักรยานจึงต้องไล่ระยะทางไปยาวๆ น่าจะเกือบกิโลได้ ตอนทรานซิชั่นวิ่งกันสนุกจนหอบแน่เลย แขวนจักรยานเรียบร้อย เอาผ้าใบคลุมนิดนึงแล้วก็เดินกลับไปเอารถ ขับไปแวะซื้อของกินแล้วกลับที่พัก เตรียมอุปกรณ์ ติดเบอร์ เช็คความเรียบร้อย แล้วเข้านอน ซึ่งแน่นอนว่าก็นอนไม่ค่อยหลับเหมือนทุกทีแหละ -..-
ปัญหาคือนอกจากจะนอนไม่ค่อยหลับเพราะตื่นเต้นแล้ว ฝนยังตกแรงมากจนเสียงดังตลอดคืน ขนาดใกล้เช้าแล้วก็ยังไม่หยุด เริ่มคิดว่าการแข่งจะเป็นยังไงน้อ จะได้เริ่มไหม เพราะตกขนาดนี้น้ำทะเลคงไม่ปกติ คลื่นแรงมากแน่ๆ
ถึงเวลาตี 4 (ตื่นก่อนนั้นนานแล้ว) ฝนยังพรำๆ แต่งตัว เก็บของออกจากห้องไปดูสภาพหน้างาน ถึงจุดจัดงานเริ่มมีคนทะยอยมาพอสมควร มองไปทางทะเลคลื่นแรงมากตามคาด ซักพักมีประกาศว่าโปรดรอฟังการตัดสินใจของผู้จัดงานว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่ และขอห้ามทุกคนลงน้ำก่อนเวลา นักกีฬารออยู่อย่างมีความหวัง อย่างน้อยฝนก็ไม่มีที่ท่าว่าจะตกหนักขึ้น แม้ว่าจะยังไม่หยุดตก
สรุปว่าเพื่อความปลอดภัยจะขอเลื่อนการแข่งออกไปครึ่งชั่วโมงหรือกว่านั้นนิดหน่อย ประกาศชัดเจนแล้วทุกคนก็เริ่มเตรียมตัวกันต่อ เสร็จแล้วก็ยังเหลือเวลาเป็นชั่วโมง ในที่สุดก็จะได้เริ่มซะที ได้เวลาไปดูการปล่อยตัวกลุ่มโปรจากที่ไกลๆ แล้วก็ทะยอยเข้าไปเข้าแถวตามรอบปล่อยตัวที่แบ่งตามตามความเร็วของการว่ายน้ำ ใกล้ถึงคิวแถวสั้นลงเรื่อยๆ ตอนนั้นไม่ตื่นเต้นอย่างที่คิด คงอยากเริ่มออกตัวซะทีมากกว่า รอนานแล้ว
แน่นอนว่าไตรกีฬาต้องออกตัวด้วยการ(เดิน)ว่ายน้ำ
Swim ได้เวลาเริ่ม เนื่องจากพอปล่อยตัวสายขึ้นน้ำทะเลก็ลงไปกว่าที่ควรจะเป็น ต้องเดินลงไปในทะเลซัก 200 เมตรกว่าจะว่ายได้ ช่วงแรกว่ายเบียดกันตลอดแทบจะเกยกันเพราะนักกีฬางานนี้เยอะมากกก แม้จะพยายามเร่งแซงหรือผ่อนแรงก็ไม่ช่วยอะไรเพราะข้างหน้าและข้างหลังก็ล้วนแต่มีคนรอจะมาเกยกันไปตลอดทางช่วง 400 เมตรแรก พอหลุดช่วงแรกมาได้เริ่มสบายขึ้น คนยังเยอะแต่เริ่มมีช่องว่างให้ว่าย แต่มันก็จะมาพร้อมการว่ายกบของบางคนและช่วงเลี้ยวที่คนจะมารวมกันอยู่ชิดทุ่น ก็ยังมีฝาดแขนกันเนืองๆ
จนมาเริ่มว่ายครึ่งหลังซึ่มเป็นการเลี้ยวมารอบใน ระยะระหว่างกลุ่มว่ายเร็วและช้าเริ่มชัด ทำให้ระยะห่างมากขึ้น ครึ่งหลังจึงง่ายกว่าและสั้นกว่านิดหน่อยด้วยเพราะอยู่ด้านใน จนถึงเวลาจะขึ้นฝัง เวลาผ่านไปเกือบ 40 นาที น้ำลงมากขึ้นอีก คราวนี้เดินกันยาวๆ น่าจะเกิน 300เมตร ลดระยะทางว่ายไปพอสมควร
แต่ แต่ แต่ สุดยอดดราม่างานนี้ของผมเกิดขึ้นทันทีเมื่อยกนาฬิกาขึ้นเช็คเวลา แล้วพบว่าตัวเรือนการ์มิน 920xt หลุดไปจากสายที่ข้อมือ วินาทีนั้นคืออึ้ง นิ่ง เกิดอะไรขึ้น... ผมใช้ชุด Quick release ที่ออกแบบมาเฉพาะรุ่นสำหรับนาฬิกาไตรกีฬา ให้หมุนถอดตัวเรือนออกจากสายรัดข้อมือได้เพื่อย้ายไปติดตั้งที่จักรยาน แบบที่หมุนไมล์การ์มินตระกูล Edge เข้าออกขาจับ ซึ่งมันสะดวกมากเวลาซ้อม ไม่ต้องคอยก้มดูที่ข้อมือเวลาปั่นจักรยาน ทั้งสะดวกและปลอดภัยไม่ต้องละสายตาจากถนนเวลาปั่น และมันก็หนาแน่นดีชนิดที่ถ้าไม่ตั้งใจปลด ไม่น่าจะออกจากข้อมือได้เอง แต่ แต่ แต่ ว่ายน้ำวันนี้เบียดคนอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน จังหวะที่เบียดกัน กระแทกกัน อาจมีแขนหรือขาใครซักคนที่ว่ายอยู่ใกล้ๆมากดตรงข้อมือ ในองศาที่พอดีจนบิดเรือนหน้าปัด หลุดออกจากข้อมือได้
ชุด Quick release ที่ช่วยให้เอานาฬิกาออกจากข้อมือได้ง่าย(ไปหน่อย)
ตลอดเวลาที่วิ่งขึ้นจากน้ำไปทรานซิชัน คิดอยู่ตลอดเวลาว่าจากนี้ไปเอาไงดี เสียดายและเสียใจก็เรื่องนึง แต่ตอนนี้ไม่มีอุปกร์ที่เป็นมาตรวัดแล้ว จะออกกำลังหนัก เบา แค่ไหนก็บอกไม่ได้ ไปเร็วยังไง หนักหรือเบาเกินไปหรือเปล่า เบื้องต้นคือ วันนี้เอาไงดี? จะไม่ไปต่อ ก็ไม่ใช่ ทั้งที่เตรียมตัวมาขนาดนี้ ต้องลงแรง เงิน เวลา มาขนาดนี้จะให้เลิกตอนนี้ ต้องไม่สิ ถ้าจะไปต่อแล้วจะเอายังไง เรื่องเวลาคงต้องช่างมัน บอกอะไรไม่ได้ คิดว่าไตรแรกแค่จบสวยๆไม่เจ็บไม่เข้าที่โหล่ก็โอเคมั้ง ส่วนเรื่องหนัก-เบาก็ต้องใช้เช็คความรู้สึกตัวเองเอา เอาน่า วิ่งจบฟลูแรกยังไม่มีนาฬิกา GPS ใช้ด้วยซ้ำ มันต้องไปได้ คนที่มาเข้าร่วมวันนี้บางคนก็ไม่เห็นใส่นาฬิกาเลยก็ยังมี เค้าก็เล่นแบบมีความสุขได้
ตลอดเวลาวิ่งไปทรานซิชันอันยาวนาน(เพราะไกลมาก) ถือว่าเป็นจังหวะเหมาะที่ได้ใช้เวลาคิดได้คุยกับตัวเอง จนเริ่มเข้าจุดจอดจักรยานความคิดก็กลับมาเข้าที่เข้าทาง เก็บอุปกรณ์ว่ายน้ำ ใส่อุปกรณ์จักรยาน วิ่งเข็นจักรยานออกไป ป่ะเราไปปั่นจักรยานเล่นในพัทยา ไปให้ถึง(เขต)สัตหีบเลย
ว่ายน้ำเสร็จน้ำลงไปเยอะแล้ว เดินขึ้นกันยาวๆ
ที่ข้อมือมีแต่สายไม่มีเรือนนาฬิกาแล้ว T-T
ที่ข้อมือมีแต่สายไม่มีเรือนนาฬิกาแล้ว T-T
Bike เข็นจักรยานมากระโดดขึ้นใส่รองเท้าบนรถ ซึ่งวันนี้เหมาะมากเพราะทางในทรานซิชันไกล ถ้าใส่วิ่งมาคงวิ่งลำบาก เริ่มปั่นไปสังเกตุเห็นน้ำขังบนถนนเป็นระยะๆ ดูท่าทางจะไม่ใช่วันที่ทำความเร็วได้เต็มที่เท่าไหร่ ยิ่งช่วงผ่าน walking street พื้นเป็นคอปเบิลสโตนไม่เรียบ ต้องชะลอเป็นพักๆ
พอพ้นมาตัดเข้าถนนเส้นใหม่แถวนาจอมเทียนเริ่มปั่นกันได้เต็มที่ พยายามรักษาความเร็วไว้โดยอ้างอิงจากคันข้างๆที่ความเร็วใกล้กัน วันนี้ไม่มีไมล์ ไม่รู้ทั้งความเร็วทั้งรอบขา ทั้งหัวใจ อยากเน้นประคองไปก่อน เพราะ 53 กิโลที่แถมเพิ่มให้ดูไกลมากกว่าเดิม ระหว่างนี้คงบอกระยะหรือเวลาไม่ได้ตลอดทาง เน้นใช้ความรู้สึก
ตลอดเส้นทางปั่นการปิดถนนทำได้ดีทีเดียว การประสานงานและแบ๊คอัพน่าจะดีมาก เพราะจัดแข่งช่วงวันหยุดยาว การปิดถนนเมืองท่องเที่ยวแบบนี้ไม่ธรรมดา เส้นทางรองและเลียบชายหาดปิดได้ 100% เส้นสุขุมวิทสายหลักปิดได้รวม 4 ช่องจราจร และดูแลตามทางแยกได้ดี ปั่นสบาย (แค่สงสารคนมาเที่ยวนิดหน่อย เพราะรถติดสุดๆ) จุดกลับตัวยาวไปถึงบางเสร่เลยป้ายหน้าสวนนงนุชไปหน่อย มีจุดรับน้ำแจกเป็นกระบอกใหม่ให้เลย
ขากลับถนนไม่ดีเท่าขาไปแต่ไม่ถึงกับมีปัญหา ระยะห่างแต่ละคันเริ่มมาก รู้สึกปั่นได้นิ่งกว่าเดิม สูดควันรถเยอะขึ้นเพราะกั้นถนนมานาน รถสะสมขึ้นเรื่อยๆทั้งสองฝั่ง จนวกออกจากสุขุมวิทถึงกลับมาโล่งสบาย สรุปตลอดช่วงปั่นนอกจากเรื่องถนนเปียกบ้างแล้วเป็นประเภทกีฬาที่สบายที่สุด ถึงจุดลงรถกระโดดลงแล้วเข็นไปเก็บ เปลี่ยนรองเท้า แล้วออกตัววิ่ง
มีขึ้น-ลงสะพานข้ามแยก นอกนั้นเรียบตลอดเส้นทาง
Run ช่วงขาไปเส้นทางจัดให้วิ่งบนทางเท้าผั่งเรียบชายหาดพื้นเป็นบล๊อคคอนกรีตให้สะเทือนเท้าเล็กๆ ข้อดีคือมองเห็นทะเลไปจนถึงพัทยาใต้เลย ระหว่างทางจุดให้น้ำ-เกลือแร่และฟองน้ำมีอย่างเพียงพอและถี่ (ตลอดทาง 7-8 จุด)
ช่วง 5 กม.แรกเป็นทางราบไปจนถึงท่าเรือแหลมบาลีฮาย จากนั้นก็เริ่มขึ้นเขาพระตำหนักซึ่งชันมากสำหรับคนที่ซ้อมวิ่งแต่ทางราบมา 75%เซฟแรงโดยการเดินขึ้นกัน เราก็พยายามจ๊อกไปช้าๆเพราะเห็นว่าสภาพยังดี หอบกำลังดีตอนขาขึ้น
ถึงจะเดินกันเยอะ แต่ทุกคนจะวิ่งตอนเจอพี่ตากล้อง
พอเริ่มเป็นขาลงบนเขาแอบมีทางเทรลเล็กๆให้วิ่งไปตามสวนป่า มีลอดอุโมง มีลงบันได แต่ทางมีร่มเงาและเย็นเหมือนเป็นช่วงพัก วิ่งวนไปตามทางแบบงงทิศหน่อยๆก็พาตัดมาเข้าเส้นลงเขาที่ร่วมทางกับเส้นทางจักรยานขากลับ คราวนี้ไม่มีร่มเงาและไอแดดเริ่มร้อนแม้จะยังมีเมฆมากเพราะเลย 10 โมงแล้ว ก่อนจะพาตัดเข้าสู่ walking street เป็นช่วงสุดท้าย พยายามวิ่งให้คงที่ไว้ แต่หาคนตามเพื่อคงความเร็วลำบาก เพราะระยะช่วงท้ายแล้วห่างแต่ละคนเยอะ
มีทางให้มุดเข้าสวน
ช่วงกม.สุดท้ายแทบไม่ได้แซงใครและไม่ต้องกลัวใครแซง เพราะคนโล่งแล้ว ใกล้เส้นชัยบรรยากาศยังสนุกสนาน พิธีกรและกองเชียร์ยังแรงดี วิ่งเข้าเส้นชัยได้แบบสบายๆยังไม่หมด เพิ่งรู้ว่าเค้าจะคอยขึงแถบกั้นไว้ให้นักกีฬาทุกคนได้รู้สึกว่าผ่านเส้นชัยไปแล้ว และเราไม่ลืมชูมือกับแผ่นป้ายเผื่อจะได้ภาพสวยๆกับเค้ามั่ง
งานดีไม่ดีส่วนหนึ่งเราตัดสินกันที่รูปสวย :P
พ้นจากผ่านเส้นชัย หิวมากเพราะสายแล้วก็ต้องตระเวณหาของกินในงาน ซึ่งบอกได้ว่าอุดมสมบูรณ์มาก (เทียบกับงานวิ่งFull marathon ใหญ่ๆก็ยังเยอะกว่า) มีน้ำมะพร้าวแจกกันเป็นลูกๆ อาหารบริการแบบงานออกร้าน ซึ่งน่าจะพอเพียงกับนักกีฬา เพราะกว่าจะเก็บของออกอีกชัวโมงให้หลังก็ยังเห็นมีให้กิน (ถ้าท่านเล่นได้ตามเวลามาตรฐานอยู่บ้าง ถ้าแบบ 5-6 ชม.+ งานไหนๆก็คงต้องทำใจว่าเค้าจะเก็บบูทกลับไปแล้ว)
งานยังมีบริการอ่างน้ำเย็นแช่น้ำแข็งขนาดใหญ่ไว้บริการ ได้ไปทดลองใช้แล้วก็พบว่ามันสบายดีหลังออกกำลังมานานๆ สดชื่น และดีกับการฟื้นสภาพมากกว่าที่คิด เพราะหายปวดเมื่อยเร็ว วันหลังเจอจะแช่อีกแน่นอน พักแช่อยู่ 20 นาทีได้ รู้สึกไอแดดแรงมากเพราะเป็นริมทะเลตอนเกือบ 11 โมงแล้ว แวะไปเก็บของที่จุดจอดจักรยานแล้วเข็นกลับ มีการถ่ายรูปและวีดีโอเก็บไว้เป็นบันทึกเผื่อว่าจะเกิดปัญหาของหายหรือสลับภายหลัง ก็เป็นการดูแลที่ดีเรื่องสุดท้ายของทีมผู้จัดงาน
เหรียญสวย ปลาโลมาน่ารัก
Pro
- เส้นทางดี ปี2016ได้รับรางวัลของระดับเอเซีย ก็ต้องบอกว่าสมรางวัล รับได้ไม่อายใคร ท้าทายและหลากหลายเป็นประสบการณ์ดีๆของนักกีฬา
- การจัดการและมาตรฐานดี สากลระดับหนึ่ง เตรียมการดี เอนเตอร์เทนนักกีฬาดีสุดๆ
- น้ำอาหารอุดมสมบูรณ์ ทั้งระหว่างแข่งและหลังแข่ง
Con
- เนื่องจากรับนักกีฬาเยอะ ก็จะมีสิ่งที่ตามมาคือความวุ่นวายเล็กๆน้อยๆจากจำนวนคน
- ทรานซิชั่นไกลมากกก อันนี้ก็เนื่องจากจำนวนคน และข้อจำกัดของสถานที่
- และเนื่องจากมันใหญ่มาก ทำให้คนที่ไม่ใช่นักกีฬาเดินมาในทรานซิชั่นได้ นอกจากจะวุ่นเพิ่มแล้ว ความปลอดภัยก็ลดลง
- ระยะแถมเกินมาตรฐานมาอีกเกือบ 1 ใน 3 คงไม่ใช่งานที่จะมาเอาสถิติได้ แต่ถ้าจะขยับระยะแข่งให้ยาวขึ้นนี่น่ามาลอง
สรุปแล้วไตรระยะ standard ครั้งแรกก็มีอะไรคาดไม่ถึงเยอะมากสมกับการเป็นครั้งแรกจริงๆ ทั้งดีและก็ไม่ดี เล่นจบระยะนี้ก็พอจะบอกคนอื่นได้ว่าเราเป็นนักไตรกีฬาแล้วมั้งนะ แต่แน่นอนมันก็เหมือนหลักไมล์อื่นๆของชีวิต ความทรงจำดีๆจะยังอยู่แม้เวลาจะผ่านไปนาน (ที่พิมพ์นี่ครบปีพอดี) ยังไงซะที่สุดแล้วมันก็จะผ่านไป และก็จะมีหลักอื่นๆผ่านเข้ามาเพิ่ม อยู่ที่ว่าเราเรียนรู้อะไรได้จากหลักเหล่านั้นบ้างไหม
ตอนจบงานนี้ใหม่ๆได้โพสข้อความเพิ่มบน FB ไป กลับมาอ่านดูก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ผมได้เรียนรู้จากหลักนี้ของชีวิตแล้วกัน
"ไตรกีฬาบอกให้คนเล่นรู้ว่า ทุกคนต่างมีจุดแข็งจุดอ่อนของตัวเอง แม้เราจะทำไม่ได้ดีไปหมดทุกอย่าง แต่เราก็มีศักยภาพพอจะทำในบางอย่าง บางสิ่ง ที่บางคนคิดว่าไม่มีทางทำได้ และถ้าพยายามมากพอ ทุกคนก็ผ่านเส้นชัยของตัวเองได้ทั้งนั้น"
ปล.ลาก่อน 920xt คิดถึงแกนะ และสวัสดี fenix3 ไปต่อด้วยกันไปนานๆล่ะ