จัดที่กรุงเทพฯ 20 ตุลาคม 2556
คนเรามักเก็บความทรงจำสำหรับครั้งแรกของการทำอะไรซักอย่างที่ชอบได้ดี ทริปแรกของผมก็ยังอยู่ในความทรงจำชัดเจน แม้จะผ่านมาเกือบปีได้แล้ว ในตอนนั้นหลังได้จักรยานมาช่วงแรกๆนั้นพอเอามาซ้อมได้ซักพักก็เริ่มคัน
อยากลองไปปั่นตามงานดูบ้าง แต่ก็ยังใหม่เกินกว่าจะไปมองงานแข่ง
มองหาในเวปจักรยานที่ใหญ่สุดของไทย Thaimtb ไล่ดูงานที่คิดว่าพอไปไหว มีงานน่าสนใจคือ Dtac
ปั่นปันรัก
งานช่วยสังคมที่เปลี่ยนกิโลเมตรที่ปั่นได้ของผู้ร่วมงานทุกคนให้เป็นเงินบริจาคซื้อจักรยานให้โรงเรียนในต่างจังหวัดที่ขาดแคลน
จะมาจัดครั้งสุดท้ายของปีที่กรุงเทพ เข้าร่วมงานไม่มีค่าใช้จ่าย มีอาหาร-น้ำและของที่ระลึกแจก ทำบุญอีกต่างหาก ตัดสินใจแป๊บเดียว ลงทะเบียนผ่านเวปทันที
ไม่ได้เตรียมตัวอะไรมาก
เนื่องจากระยะทางที่จัดงานประมาณ 30 KM. ปั่นบนทางลอยฟ้าบรมราชชนนีเป็นระยะที่พอปั่นไหวอยู่แล้วนะตอนนั้น ติดตามข่าวงานก็ทราบว่ามีผู้สมัครเยอะมาก
เนื่องจากเส้นทางและเงื่อนไขที่ดี ก็ไม่เป็นไร คิดว่าก็แค่คนเยอะ อาหารหมด
ของหมดก็ไม่แคร์เท่าไหร่ ไปร่วมปั่น+ทำบุญก็พอ
ใครปั่นมาลานคนเมืองมักต้องมาถ่ายรูปกับรถแถวเสาชิงช้า
ไปถึงลานคนเมือง ศาลาว่าการ กทม.ประมาณ 6.30 น.
คนทยอยมาเยอะแล้ว ต่อคิวลงทะเบียน รับของที่ระลึกและอาหาร
จากนั้นก็เดินเพลินๆรอบลานคนเมือง ตื่นตากับจักรยานมากมาย
รถแปลกๆที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ณ ตอนนั้น
ช่วยให้ขวนขวายไปทำความรู้จักกับจักรยานมากขึ้น จากที่เคยแบ่งมันแค่ หมอบ ภูเขา
แม่บ้าน และรถพับ พอใกล้ได้เวลางานคนมากันจนเริ่มล้นลาน
ปล่อยตัวเลทนิดหน่อยตามธรรมเนียม(ใคร?) ขาแรงพุ่งไปก่อน
ส่วนคนทั่วไปก็ค่อยๆออกตัวเป็นแถวยาวตามกันต่อๆไป
ออกตัวเกาะกลุ่มตามกันไปเรื่อยๆ แถวยาวเหยียด
งานได้รับความร่วมมือดีมากจากเจ้าหน้าที่ที่มาช่วยกั้นรถปิดถนนให้ตั้งแต่ลานคนเมืองปิดไปถึงเกือบสุดทางบรมราชนนี
สะดวกสบายสำหรับผู้มาปั่นร่วมงานมาก แต่ก็เป็นครั้งแรกที่ได้รู้ว่า
การกั้นถนนขนาดนี้แม้จะเป็นเช้าวันอาทิตย์ก็ส่งผลกับรถติดมหาศาล
แค่แถวขบวนที่ยาวเป็นกิโล ต้องกันทางแยกไม่ต่ำกว่า 30 นาที เพื่อให้จักรยานทั้งหมดในขบวนผ่านไปก่อน
และการไม่ให้รถขึ้นสะพานยกระดับเลยตลอดช่วงเวลาเกินชั่วโมงที่ขบวนยังคงอยู่ข้างบน
ได้แต่หวังว่าวันหลังเราคงจะไม่พยามยามขับรถมาทางเส้นนี้ในช่วงเวลาแจ๊กพอตแบบนี้ก็แล้วกัน
ปิดถนนทั้งฝั่งให้ปั่นขึ้นสะพาน
แต่สำหรับนักปั่น
โดยเฉพาะคนที่ยังใหม่มากแบบผมมีความสุขกับทริปนี้มาก แม้ว่าจะไปคนเดียว
ทักคนอื่นบ้างนิดๆหน่อยๆ
แต่ช่วงเวลาที่ปั่นบนทางยกระดับนั้นเป็นประสบการณ์ที่เชื่อว่าหลายๆคนต้องติดใจ
ถนนปิดสำหรับจักรยานเท่านั้น วิวที่มองลงมาจากสะพานที่นั่งรถผ่านจะไม่ได้ซึมซับมุมมองที่ช้าลงแบบนี้
ลมที่พัดมาเบาๆตลอดเวลาและแดดเช้าที่ยังไม่แรงเกินไป ทำการมาปั่นครั้งนี้ไม่เหนื่อยเกินไปนัก
ด้วยความเร็วประมาณ 25-27
กม./ชม.ที่ค่อยๆไล่แซงคนปั่นสบายๆขึ้นไปเรื่อยๆซึ่งก็เข้าใจว่าเร็วแล้วณเวลานั้น
ก่อนที่กลุ่มนำพร้อมรถนำบวนจะสวนมาในจุดที่เรายังไปได้ไม่ถึงครึ่งทางของครึ่งทางแรก
นี่สินะระดับบนของประเทศ(สังเกตเห็นธงชาติที่อกเสื้อ)
ขาไปเกาะกันไปดีๆ ลมก็ดีวิวก็ดี
ปั่นมาจนเริ่มรู้สึกเหนื่อยแบบยังไหวอยู่ก็มาถึงจุดกลับตัวเกือบสุดทางยกระดับ
โอ้ สมเป็นงานในกรุงเทพมาก คนแวะถ่ายรูปเป็นที่ระลึก อัพข้อมูลกับโทรศัทพ์
จอดรอเพื่อนเพื่อไปด้วยกัน เป็นร้อยคนได้ก็ค่อยๆเคลื่อนตัวช้าๆผ่านมาแบบยังไม่ติดขัดมากนัก
ขากลับเริ่มเห็นคนจอดแวะกันมากขึ้นถ่ายรูป+พักเหนื่อยกันในตัวโอกาสแบบนี้ไม่มีบ่อยๆ
ยาวมาจนสุดทางต้องมาขึ้นลงสะพานพระปิ่นเกล้าเริ่มมีปัญหา บางคนหมดแรงหรือรถไม่มีเกียร์ไต่สะพานไม่ไหว
และเหลือการกั้นถนนแค่เลนเดียวทำให้พอลงสะพานเร็วๆก็ต้องมาเบียดกันเป็นคอคอด
ซึ่งก็ยอมรับได้เพราะคงปิดถนนเกินชั่วโมงไม่ไหว
ก็ยังมีเจ้าหน้าที่คอยโบกทางคอยดูแลดีอยู่ตลอด ติดไฟแดงครั้งแรกซักครู่ก็กลับถึงลานคนเมือง
ลงทะเบียนปั่นจบ รับอาหารกลางวัน นั่งกินมันที่มุมลานแบบร้อนหน่อยๆเพราะสายแล้วและพักจนพอมีแรงก็ปั่นกลับบ้าน
แบบตามพี่ๆกลุ่มข้างหน้ามาจนเขาพามาเข้าทางลัดไปออกเลียบทางรถไฟถึงสะพานพระรามแปด
ได้รู้จักทางใหม่ๆที่ยังใช้ปั่นออกกำลังมาจนถึงปัจจุบัน
สนุกสนานกันตรงจุดกลับตัว
ขากลับทิ้งกันยาวๆ คนบางตากว่า
สรุปว่าเป็นงานที่จัดได้ดีมากสำหรับผู้ต้องการออกทริปสั้นๆระยะไม่เกิน
50 km. การจัดงาน
บริหารเวลา สถานที่ อาหาร ของที่ระลึกอยู่ในระดับดีมาก น่าจะเนื่องจากผู้จัดมีประสบการณ์มาหลายครั้ง
การกั้นรถทำได้ดีที่สุดของงานปั่นในเมือง(ไม่นับคาร์ฟรีเดย์
วันที่ส่วนตัวผมคงไม่ออกไปร่วมงานเพราะดูจะเดือดร้อนผู้ร่วมถนนที่ใช้พาหนะอย่างอื่นไปซักหน่อย)
ที่สำคัญได้ทำบุญแบบไม่ต้องมีค่าสมัครเนี่ยหายากมากประทับใจ
ถ้ายังคงโครงการดีๆไว้เป็นอีกงานที่จะแวะไปร่วมอีกครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น