วันพุธที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2565

ฺBANGSAEN42 2021 (2) Race day - Race note


BANGSAEN42 2021 Race note

1. ทบทวนแผนและเป้าหมายของงานวิ่งวันนี้ แผนต่างจากทุกครั้งที่เคยวิ่งมา
Plan : ขออยู่ในเกมของ Sub:4 ให้นานที่สุดเท่าที่ทำได้ (หรือวิ่งเพซต่ำกว่า 5.40 ได้แค่ไหน-แค่นั้น)
Target time : 3.59.xx


2. ทุกครั้งก่อนหน้าจะพยายามเกลี่ยเวลาให้ช่วงแรกออกตัวเบากว่าซ้อม แล้วค่อยๆเร่ง ไปจนถึงระยะซ้อมไกลสุดสูงสุด32-35k แล้วก็แค่พยายามสู้ต่อในระยะที่เหลือจนจบ ซึ่งคิดว่าเป็นแผนที่ทำได้ดี เพราะหัวใจจะไม่สูงมากในช่วงแรก ช่วงกลางประคองเพซ พอใกล้หมด แถวๆ 35k ความเร็วก็จะลงลงเองเพราะเหนื่อยสะสม ล้า พลังงานหมด ก่อนจะพอกลับมามีแรงเร่งหน้าเส้น 1-2k สุดท้าย จบแบบเหนื่อยแหละแต่สบายใจและไม่กดดันมาก


3. แต่คราวนี้ไม่เหมือนกัน เป้าหมายเวลาที่อยากทำให้ได้ซักครั้งมัน”เขย่ง” ไปจากความสามารถตอนนี้ อยู่แบบคาบเกี่ยวฉิวเฉียด เพราะไม่ได้จะมุ่งหวังจะมาทำที่บางแสนแต่แรก มันควรจะได้ทำที่กำแพงแสน ที่เป็นสนามทางราบร้อยเปอร์เซนต์ก่อนหน้านี้หนึ่งสัปดาห์ แต่มองอีกแง่ มันก็เป็น โอกาสดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้แล้ว ที่จะได้วิ่งในช่วงเวลาแบบนี้ เพราะงั้นลองมาแข่งกับตัวเอง แบบที่ไม่เคยทำดูดีกว่า อย่างน้อยก็ได้ลองไม่เสียใจทีหลัง


4. กลับมาที่จุดปล่อยตัวบล็อค A3 ไม่มีเวลาให้ทำสมาธิมากนัก เพราะงานนี้ปล่อยตัว ตรงเวลาเป๊ะเหมือนทุกครั้ง เข้าตำแหน่งได้ไม่เกิน 5 นาทีก็เริ่มนับถอยหลัง 5 4 3 2 1 ปรี๊นนนน



5.หลังปล่อยตัวแถวเคลื่อนที่ไปอย่างรวดเร็ว เนื่องจากข้างหน้าทำความเร็วกันสูงระดับเพซ 4 แถวที่ยาวเกิน 100 ม. จึงหายไปอยางรวดเร็ว ใช้เวลาแค่ 70 วินาทีก็วิ่งมาถึงเส้นสตาร์ท …..Game on


6. ช่วง 1-4km. ไหลตามแถวปล่อยตัว ข้อดีของการจัดลำดับปล่อยตัวเป็นบล็อคตามเวลาคือ เ ราสามารถไหลไปตามแถวได้ในเพซเป้าหมาย เพราะนักวิ่งรอบตัวก็มีเวลาเป้าหมายใกล้เคียงกัน ไม่ต้องห่วงเรื่องวิ่งช้าไปเพราะติดคนข้างหน้า หรือวิ่งเร็วไปเพราะลั่นตาม 4 กิโลแรกมีเพื่อเช็คสภาพ วันนี้อากาศกลับมาดี แม้ความชื้นจะยังสูงแต่ช่วงที่ไม่มีตึกบังยังสัมผัสได้ถึงลมเย็นเบาๆ ประคองเพซ5.4x ได้ในความเหนื่อยที่ยังพอรับได้ เหงื่อยังออกดีไม่น่าห่วงเรื่องระบายความร้อนริมทะเล ไล่แซงเพซเซอร์ 5.00-4.45-4.30 เร็วกว่าที่คิด



7. ช่วง 5-7km. ออกถนนสุขุมวิท นักวิ่งกระจายตัว วิ่งสบายยังเพซ 5.3xได้  มีลมเบาๆปะทะตัวตลอด เลือกวิ่งค่อนไปทางซ้ายแต่ไม่ชิดมาก ลดระยะเข้าออกรับน้ำ ไล่แซงเพซเซอร์ 4.15 แถวกิโล6 ยังประคองเพซที่ต้องการไปต่อได้ ไม่ได้รีบไล่ 4.00 เพราะคิดว่าคงวิ่งเพซพอๆกัน น่าจะเว้นระยะไปอีกพักใหญ่


8. ช่วง 8-15km. เลี้ยวซ้ายออกจากสุขุมวิทเข้าเส้นอ่างศิลา พระยาสัจจา อาคารพานิชย์บังลมไปพอสมควร รับเกลือแร่ครั้งแรกที่ 10k (S.หวานมากกก)  กินกล้วยตากที่พกมาห่อแรก ไล่ทันเพซเซอร์ 4.00 แถวๆ 14k เร็วกว่าที่คิดนิดหน่อย แต่ถือว่าจังหวะดี เพราะต่อจากนี้ของจริงงาน BS42 กำลังจะเริ่ม


9. ช่วง 15-20km. เข้าสู่สะพานชลมารคขาไป จุดขึ้นสะพานต่างจากของที่เคยมาปี2019 ด้วยสัมผัสพื้นที่เปลี่ยนมาจากแอสฟัลต์เป็นคอนกรีตรับรู้ได้ถึงการดีดสะท้อนที่แรงขึ้นอย่างชัดเจน รองเท้าที่ใช้ยังช่วยซัพพอร์ตได้ดีพอสมควรแม้แทบไม่ได้ซ้อมทางคอนกรีตแต่ยังไปได้ไม่หนักเท่าที่คิด ได้ไล่ทันเพซเซอร์ก่อนสะพานพอดี เลยตั้งใจว่าจะเกาะเพซเซอร์ยาวๆอย่างน้อยครึ่งทางไปก่อน ซึ่งช่วยได้มากเพราะวิ่งสบายขึ้น นิ่งขึ้น กลุ่มตอนนี้ค่อนข้างใหญ่เกือบ 20 คน และมีเกาะอยู่หน้าหลังอีกพอสมควร สมเป็นเวลาหมุดไมล์ยอดนิยมสำหรับคนตั้งใจมาวิ่ง นินทาเพซเซอร์ในใจนิดหน่อยว่าพวกพี่เค้าดูขาแรงสายโหด เน้นห้วนๆ ไม่เน้นชวนคนหาลูกค้า ไม่เน้นให้กำลังใจ เหมือนเน้นวิ่งไล่ 4 ชม.มาแล้วๆ อะไรแบบนั้น 55+ มีสุภาพสตรีหนึ่งคน ซึ่งจากฟอร์มแล้วน่าจะได้คิงคองไปแล้วเลยเปลี่ยนเป็นเพซเซอร์แทนมั่ง แถว 16k ต่างชาติลำดับ1-2 กลับตัวสวนไป คราวนี้มาทันเจอช่วยด้านกำลังใจดี จากนั้นก็เป็นอีลีท แต่พอตามเพซเซอร์ใกล้ๆก็จะไม่ค่อยได้มองไปนานๆ กลัวสะดุด ไหลไปกับกลุ่มเรื่อยๆจนเห็นจุดกลับตัวไกลๆแล้ว



10. ช่วง 21-25km.จุดกลับตัวเป็นบริเวณทางลงสุดสะพาน อยู่ก่อน21k นิดหน่อย เริ่มซ้อมเนินแรกเบาๆตรงนี้ มาอีกนิดเดียวถึง CP21.1km. เช็คเวลาครึ่งทางประมาณ 1.58h. เศษๆ รักษาเวลาได้โดยยังไม่มีอะไรน่าห่วง (ขอดีของการวิ่งกับเพซเซอร์) ร่างกายเริ่มล้าๆ มีอาการปวดตึงน่อง จนต้องแวะขอสเปรย์น่องดักไว้ก่อน เพราะยังไม่ควรติดว่าครึ่งทางแล้ว ควรต้องเลยสะพานไปก่อน หยิบกล้วยตากซองที่ 2 ขึ้นมากิน และที่23k ก็รับเจลแจกมาเพิ่ม แรงยังไม่ตก เริ่มคิดจะเร่งนิดๆเพื่อฉีกกลุ่ม เพราะรู้สึกว่าไม่อยากไปเบียดเดินตอนจุดรับน้ำเพราะติดคน แต่ก็รู้ดีว่าการเร่งมันจะเป็นไปอย่างช้ามาก ตอนนี้กลุ่มคุมเพซ 5.2x-5.3x ซึ่งเริ่มไปเบียดใกล้ LT แถมพอเริ่มฉีกออกมาได้ระยะซัก 50 ม.ก็ดันคิดว่าเข้าห้องน้ำเผื่อไว้ดีกว่า เพราะตอน 30 กิโลไป ไม่อยากเสียจังหวะหยุดวิ่งอีก แวะเข้าห้องน้ำที่ต้องเดินแยกออกไป 15 ม. กว่าจะเสร็จกลับมาก็โดนกลุ่มแซงคืนไปตามคาด กลายเป็นค่อยๆไล่กลุ่มคืน ตอนนี้คนที่ล้อมเพซเซอร์เริ่มเปลี่ยนหน้า น่าจะเก็บแรงไว้ครึ่งหลังกันมาหลายคน วิ่งตามโค้งไฟตามแนวสะพานมาจนตอนนี้เริ่มเห็นจุดลงสะพานแล้ว



11. ช่วง 26-31km. ลงสะพานมาแต่ก็ยังมีถนนคอนกรีตอีกบ้างเป็นช่วงๆ ตอนนี้พยายามเกาะนักวิ่ง ที่เพซใกล้เคียงกันไปเรื่อยๆ ยังได้อยู่เนื่องจากเป็นทางเรียบๆนานๆโค้งที นำกลุ่มอยู่ซัก 50-80 ม. แล้วแต่ช่วง แต่ก็ได้ยินเสียงขานเวลาไล่ตามมาตลอด เข้ามาโซนที่พักอาศัยลมเลยจะขาดช่วงตอนโดนตึกบัง เหงือกลับมาเปียกเสื้ออีกครั้ง ช่วงนี้มีรถห้องน้ำจอดชิดทางวิ่งจนแอบเสียดายว่าไม่น่ารีบเข้า ประหยัดเวลาได้หลายวินาทีอยู่ และแม้จะกลับมาวิ่งพื้นแอสฟัลต์เป็นบางช่วงแล้ว แต่แรงกระแทกจากถนนคอนกรีตเริ่มส่งผลให้ใช้กล้ามเนื้อหนักจนเริ่มรู้สึกว่าใกล้จะเป็นตะคริว ในหลายๆที่บนขาทั้งสองข้าง แวะพ่นสเปร์โดยพยายามให้เสียเวลาน้อยที่สุด เริ่มหนักใจเพราะของจริงกำลังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ


12. ช่วง 31-35km. เริ่มเข้าสู่ช่วง10km.สุดท้ายของเรซ พร้อมกับที่เริ่มมีความชันเข้ามาในเส้นทาง กินเจลที่พกมาซองแรกช่วงนี้ หลังจากคุมท่าวิ่งประคองเพซ  5.3x มาได้เรื่อยๆ เริ่มจำเป็นต้องเปลี่ยนท่าวิ่งเป็นลดระยะก้าวแล้วเพิ่มรอบขาตามความชันของเนิน ซึ่งช่วงแรกนี้ยังไม่มาก 3-5% ยังเป็นความชันที่ซ้อมเวลาวิ่งลู่อยู่บ้าง ผิดกันตรงที่จะยาวกว่าและมาต่อเนื่องเป็นโรลลิ่งเล็กๆ ใช้กล้ามเนื้อหนักขึ้นมากใกล้แตะขีดแดง จนต้องหยุดยืดเป็นครั้งแรกระหว่างขึ้นเนิน แต่เสียงเพซเซอร์4.00 ที่ไล่หลังมา ที่ดูจะใกล้เข้ามาเรื่อยๆทำให้ไม่กล้าหยุดนาน (จริงๆก็ไม่ได้นำเกิน100 ม. หันหลังไปก็คงเจอ แต่ไม่กล้าแม้แต่จะหันไปเช็คดู) แข็งใจไปต่อเรื่อยๆ จุดพีคช่วงนี้คือหน้าศาลเจ้านาจา เพราะอากาศร้อนไม่มีลมผ่าน กลับมาดูรูปนี่คือเหงื่อท่วมช่วงนี้มากที่สุด แถมเป็นเนินยาวไม่จะไม่ชัน น่าจะเป็นจุดที่เข้าสู่โซนที่ไม่น่าเข้าครั้งแรก (point of no return) ทำใจได้ว่าต่อจากนี้ คือไม่มีทางที่ความเหนื่อยจะน้อยลงถ้าไม่หยุดเดิน มีแต่ต้องไปต่อจนกว่าจะหมดเท่านั้น วัดดวงจริงๆ ตอนนี้อยู่ในเกมมาได้ 3 ชั่วโมงนิดๆแล้ว ตามช่วงเวลาที่คาดว่า ถ้าถึงแค่นี้น่ะไหว ต่อจากนี้คือพื้นที่ที่ยังไม่เคยไปมาก่อนด้วยเพซนี้ คงต้องใช้ทุกอย่างเท่าที่มีเพื่อไปต่อให้ได้


ในขณะที่เราต้องใช้ทุกอย่างที่มีเพื่อผ่านช่วงนี้ไปให้ได้ น้องผู้หญิงข้างหน้ายิ้มสบายมากๆ (ขออนุญาตนะครับ) 

13. ช่วง 36km.พื้นที่ราบคั่นก่อนถึงเขาสามมุข จุดรับน้ำและเตรียมตัวก่อนช่วงสุดท้าย พ้นเนินนาจา มาด้วยสภาพที่ไม่ดีแล้ว แลคติกที่สะสมทำขาร้อนมากขึ้นเรื่อยๆ และตะคริวที่พร้อมจะขึ้นได้ทุกจุด ทุกเวลา พยายามดื่มน้ำเยอะขึ้น เติมเกลือจากลูกอมและน้ำเกลือแร่ แวะพ้นสเปรย์หลังจากหามานาน (น่าจะครั้งสุดท้ายของเรซ) พยายามเท่าที่จะทำได้เพื่อประคองตัวอย่างที่สุดก่อนขึ้นเขาช่วงสุดท้าย


14. ช่วง 37-40km. และแล้วก็มาถึงเขาสามมุขจนได้ เข้าโล37 จะเป็นเนินหักเลี้ยวขวา ถือว่าเริ่มปะทะลาสบอสของเรซ กับความชันกลาง 5-8% และยาวกว่าเนินก่อนๆ ตอนนี้คือเอาแรงก้อนสุดท้ายมาใช้ตั้งแต่เริ่ม แม้รอบขาจะยังพอเร่งไปได้ แต่รู้เลยว่าระยะก้าวลดลงเยอะ


15. ขึ้นได้ถึงกลางเนินแรกเสียงในหัวดังขึ้นเรื่อยๆ "พอไหมๆ ผ่อนไหมๆ เดินไหมๆ" ความคิดไหลวนอยู่ภายใน นี่อยู่ในเกมมาได้ตั้ง 36 โลก็ดีกว่าที่คิดแล้วนะ ช่วงสุดท้ายมันยากขนาดนี้ ทำดีแล้วน่า โอกาสหน้ายังมี ปลายปีมีอีกรอบ อากาศอาจจะดีกว่านี้ ไปซ้อมมาอีกหน่อยไหม เผื่อใจไว้ทำเวลาอีกทีปลายปีแล้วนี่ ฯลฯ โห...ตอนดีลกับตัวเองนี่คือ คิดอะไรวุ่นวายในหัวเต็มไปหมด มาปลายปีอากาศมันจะดีรึเปล่า วันนี้ก็ถือว่าดีกว่าที่หวังแล้วนะ แล้วถ้ารอบปลายปีซ้อมไม่ถึงล่ะ บาดเจ็บล่ะ ไม่ได้จะลงงานเดียวซะหน่อย จะได้ซ้อมเต็มที่เปล่า อยากรอไปอีกจริงๆเหรอะ แล้วถ้าท้ายที่สุด งานเลื่อนไม่มีกำหนดอีกล่ะ แต่ละอันนี้คือตีกันวุ่นไปหมด แต่ แต่ และแต่ จนกระทังเสียงนึงก็ลอยมา เสียงที่ไม่อยากได้ยิน ถึงขั้นเริ่มรังเกียจก็ดังตามมาจนได้ “4ชั่วโมง 4 ชั่วโมงมาแล้วนะ” นั่นแหละครับ จากที่กำลังท้ออยู่ในหัว กลายเป็นไม่คิดอะไรแล้ว คิดแต่ว่าจะต้องไม่ให้ไล่โดนไล่ทันตอนนี้เท่านั้น ที่วิ่งมาจนถึงตอนนี้ทั้งหมดมันก็นำมาสู่การต่อสู้ช่วงสุดท้ายตอนนี้แหละ ขออีก 3 เนิน รักษารอบขาไปเรื่อยๆนะ อย่าเพิ่งผ่อนนะ นับถอยหลังไปทีละเนิน เห็นมาหลายครั้งตอนกดรีวิวสนามและตอน IM สองปีก่อนก็วนมาตั้งสามรอบ ไปได้จนผ่านตัวอักษร BANGSAEN อีกเนินเดียว อย่างเพิ่งโดนแซงนะ ไต่เนินสุดท้ายโค้งขวายาวๆถึงยอด หมดพอดี หมดจริงๆที่เหลือคงต้องปล่อยไหลลงแล้วใช้ใจวิ่งอย่างเดียว


สิ่งไม่ควรทำของการวิ่งขึ้นเนิน มองยอดเนิน -..-

16. ช่วง 41-42km. ปล่อยขาลงเนินสุดท้ายมาเท่าที่ยังทำได้ๆ คุมความเหนื่อยแทบไม่ไหว การใส่แรงทั้งหมดครั้งสุดท้ายทำเอาหัวใจน่าจะไปโซน 5 ปลายๆเรียบร้อย ช่วงสุดท้ายนี้ เหลือแค่ทางราบริมทะเล เสียงเพซเซอร์4.00 ยังไล่หลังมา แต่ระยะห่างไม่ได้ใกล้เพิ่มแล้ว ถ้าเรายังแค่รักษาเพซได้เค้าควรจะไล่ไม่ทัน เพราะโดนล๊อคความเร็วทางราบ แต่สองกิโลสุดท้ายในขณะที่ทุกคนรอบตัวเร่งความเร็วขึ้นใส่ทั้งหมดที่เหลือเพื่อเข้าเส้นอย่างสวยๆ ผมกลับต้องพยายามให้ตัวเองก้าวขายาวเพิ่มขึ้น เพราะรอบขาเร่งต่อไม่ไหว แถมเพซก็เริ่มตกไป 5.5x ถึงกับมีแตะๆ 6.0 น่าจะเป็นช่วงทางราบที่ช้าที่สุดในเรซแล้ว แม้จะร้อนใจที่โดนแซงไปเรื่อยๆจากคนที่แรงเหลือ ก็ยังต่อรองกับตัวเองในใจว่า ออกหลังเพซเซอร์หนึ่งนาที ถ้ากลับไปเกาะเค้าก็ยังได้เวลาที่ต้องการอยู่ แต่ก็นั่นแหละ การเห็นคนรอบๆตัวใช้แรงเร่งช่วงสุดท้ายมันก็เหมือนกับช่วยดันหลังเรากลายๆว่า ตอนนี้คือท้ายที่สุดแล้ว จะไม่มีทางให้วิ่งต่ออีกแล้วนะ พยายามวิ่งไหลไปตามนักวิ่งข้างๆ ซึ่งช่วง 4.00h. มีคนเข้าทะยอยเส้นชัยเยอะมาก ผ่านกิโลสุดท้ายที่เป็นทางตรงยาว มองเห็นซุ้มไกลๆ แต่ก็ไม่ไปถึงซักที


17. หน้าเส้นชัย ไม่ว่าจะเกิดอะไรผ่านอะไรกันมาตลอดเส้นทาง ในตอนนี้ไม่มีซักคนเหลียวกลับมองหลัง มีแต่คนมองไปข้างหน้า ภาพเหมือนช้าลงเล็กน้อยตอนเราเข้าใกล้เส้นชัย สิ่งที่จำได้ เราแหงนหน้ามองเวลา 3:58:xx ยิ้มกว้าง กำมือชูแขนสองข้างอย่างยินดี แล้วเปลี่ยนมาเป็นตบมือให้ตัวเอง-ให้นักวิ่งที่เข้ามาพร้อมกัน ใช่ ทำได้แล้ววันนี้ Sub4 ที่ใช้เวลารออย่างยาวนาน ซ้อม-ยกเลิก, ซ้อม-เลื่อน มาร่วม  2 ปี 2 เดือน



18. นักวิ่งเข้ามาใกล้ๆกันหน้าหลังเป็นจำนวนมากกว่าที่คิด สมเป็นงานระดับสูง เพซเซอร์ 4.00h. เหลือ 3 คนจาก 5 ตามเข้ามาต่อไม่กี่วินาที (เข้าก่อนเวลา 1 นาทีด้วย อย่างว่าสนามมันยากช่วงท้าย คลาดแค่นี้ก็เก่งแล้ว แต่มีช่วงเร่งเร็วไปใช่ไหมตอนดันหลังผมน่ะ 55+) เดินไปรับซองเสื้อ+เหรียญ สบายๆ ยังไม่ทันมีคิว 


หนีสุดตัวพร้อมคลื่นมนุษย์ผู้มาทำ Sub4 จำนวนมาก 

19. ข้อยืนยันว่าเราใช้พลังทั้งหมดที่มีแล้วจริงๆ คือเป็นครั้งแรกที่หมดแบบนี้ จะจ๊อกต่อ cool down คือทำไม่ได้ ได้แต่พยายามเดิน ถ้าผ่อนก่อนเข้าเส้นสภาพที่เหลือคงเป็นแบบนี้ จากที่จะวิ่งกลับไปเขาสามมุขเลยต้องยอมแพ้ และทันที่ที่หยุดยืดเหยียบตะคริวมาทั่วตัว คือยืดตรงไหน มาแถวๆนั้น ก้มมากไปก็ขึ้นท้อง โห นี่สินะที่นักวิ่งอัลตร้าเค้าตะคริวขึ้นทั่วตัว ที่แค่ฟลูแบบเต็มแรงยังขนาดนี้


20. ไลน์ไปบอกครอบครัวว่าจบแล้ว เรียบร้อยดี ไม่ต้องรีบมาขอพักก่อน ต้องพักนั่งเก้าอี้อยู่ครึ่งชัวโมง ถึงกลับมาปกติ แต่ก็ยังจ๊อกไม่ไหว จะเดินไปจุดให้น้ำสุดท้ายที่กิโล 41 ก็ยังรู้สึกว่าไกลไป ได้แต่เปิดดูคำนวณเวลาเดียร์กับอ๊อด เวลาไม่แย่กัน น่าจะอีกไม่นาน ขอให้สนุกเข้าเส้นไม่เจ็บ เดี๋ยวรอหน้าเส้น 555

21. รอเพื่อนเข้าเส้น เดียร์พลาดเป้าไปนิดหน่อยแต่ยังน่าพอใจมากกับความยากสนามแบบนี้คาบซ้อมเท่านี้ อ๊อดประคองตัวอย่างที่น่าจะเป็นได้เวลาตามคาดโดยไม่เจ็บ นี่ก็แน่นอนเหมือนเดิม ทันถ่ายรูปเป็นที่ระลึก ก่อนแยกย้ายก็คุยกันกลายๆว่า รอบปลายปี2022 น่าจะได้กลับมากันครบๆ ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด (โปรแบงค์ที่ต้อง DNS รอบนี้ ก็หวังอยู่ว่าปลายปีจะมาเก็บฟลูที่นี่ให้ได้นะ)



21. แวะส่งเดียร์(มีปฐมพยายาลตะคริวขึ้นทั่วตัว คิดถึงตัวเองตอนวิ่งเพิ่งจบ) กลับโรงแรมอาบน้ำเก็บของ พอได้กินอาหารเช้าแรงก็เริ่มกลับมา ถึงจะล้าจนวิ่งอีกไม่ไหว แต่วันนี้เรายังมีภาระกิจสำคัญ ของพ่อที่ต้องพาลูกเที่ยวสวนสัตว์เขาเขียวต่อ ดีที่ไม่ได้รู้สึกถึงอาการบาดเจ็บใดๆ นอกจากปวดเมื่อยเยอะมากเป็นปกติ  แน่นอนว่าต้องหลีกเลี่ยงบันไดไปอ้อมขึ้นทางลาดผู้พิการ และก็อู้เยอะหน่อย หึหึ  



22. สรุปท้ายงานวิ่งบางแสน42 2021 ยังจัดดีเหมือนเดิม มีแนวหลังบ่นนิดหน่อยว่าของกินและน้ำขาดไปกว่าปีก่อน (ยังไม่เคยได้กินซักที) ถ้าวิ่งไม่เกิน 4 ชม.จะเป็น Night race ฟ้าเริ่มสีเงินตอนเข้าเส้นพอดี แม้เส้นทางช่วงท้ายจะความท้าทายสูง ไม่เหมาะกับเป็นสนาม PB แต่บรรยากาศในงานจะกระตุ้นให้เราอยากวิ่งเต็มความสามารถ (ก่อนจะมาพังที่เขาสามมุกกันยับๆ) หลายๆคนให้เป็น A-Race เป็นสนามที่เป็นมิตรกับมาราธอนแรกในเงื่อนไขต้องซ้อมถึงเท่านั้น มีดราม่าใหญ่ให้เสพหลังเส้นตลอด ตัดสินใจขอเปลี่ยนใจจากแบ่งให้คนอื่นวิ่งงานนี้บ้าง เป็นขอรักษาสิทธินักวิ่งหน้าเก่าไปซักพัก เจอกันอีกปลายปี 2022









วันอังคารที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2565

ฺBANGSAEN42 2021 (1) Get BIB - Day before the race

 


วันรับ BIB & Expo 19 Mar 2022

1. เย็นศุกร์ 18 พยายามผ่อนคลายเต็มที่ นึกสนุกชวนกันกินเบียร์ สงสัยไม่ได้กินนาน ตื่นมาแฮงค์เล็กๆ นอนไม่อิ่มด้วย หือ ลางไม่ดี


2. เสาร์เช้าพยายามดื่มน้ำตุน กินกาแฟแก้วแรกเร็วหน่อยหวังว่าจะช่วยแก้มึนหัว


3. ออกจากบ้านตามเวลาที่ตั้งใจ 8.00น. วันนี้ชวนกันไปทั้งคุณปู่ย่า ภรรยา  ลูกชาย 4 ขวบ พยายามรวบเป็นกิจกรรมครอบครัว ทำหน้าที่บ้าง


4. เดินทางเช้าหน่อยก็ดีตรงรถไม่ติด อยากรับ BIB ช่วงเช้า (ครั้งก่อนมาเที่ยงคนเยอะมาก) ถึงตามเวลาที่คาดประมาณ 10.00 น. แยกไปรับ BIB เนื่องจากเข้าพื้นที่ได้เฉพาะคนตรวจ ATK



5. การเข้างานเริ่มด้วยเช็คใบรับรองตรวจ ATK ต่อด้วย SMS จากงาน เข้าอาคารเช็คหน้าให้ตรงใบสมัคร ขึ้นนั้น 2 รับชุด BIBและเสื้อ ออกจากห้องรับของที่ระลึกที่จองซื้อไว้ เดินกลับลงชั้น 1 จบ ขั้นตอนทั้งหมดภายใน 10 นาทีถ้าเตรียมตัวพร้อม และไม่มีคิว ถือว่าเร็วมากๆ



6. ก่อนออกจะผ่านโซน Expo เริ่มจากร้าน official ต่อด้วยโซนบูทต่างๆ ใช้เวลาเดินดูของอยู่ราว 20 นาที มีสนใจอยู่บ้างแต่ยังไม่ถึงขั้นต้องซื้อก็เลยหักใจเดินออกมา อยู่นานไปอาจไม่ดี (ความเห็นส่วนตัวคือของยังไม่สวยและหลากหลายเท่างานของ Tri-leage ด้วย)



7. เดินไปชายหาดหาครอบครัวที่พาเด็กน้อยเล่นทรายรอ คุยกันเรื่องโปรแกรมต่อจากนี้ เดี่ยวไปหาข้าวกลางวันกินกัน เล็งร้านญี่ปุ่นโซนศรีราชาไว้


8. เปิด google หาร้านเลยจะไปที่ J-park แต่ระหว่างขับไป แอร์รถเกิดไม่เย็น พยายามแก้ไขแต่ไม่สำเร็จ ไม่อยากให้โปรแกรมรวนเลยออกไปหาร้านซ่อม ดีที่มีร้านอยู่ใกล้ๆ เลยใช้เวลาไปประมาณ 1.30 ชม.และต้องหาข้าวกลางวันง่ายๆกิน (อดราเมง) แต่ได้ร้านช่างโอเค ซ่อมมาใช้งานได้ 


9. เดียร์ตามมาสมทบ เนื่องจากไม่มีโปรแกรมต่อ เลยโดนชวนไปดูพิพิฒภัณฑ์อวกาศและดาวเทียมแถวแหลมฉบังที่อยากพาเด็กชายไป น่าไปเที่ยวเลยแหละ แต่เสียดายวันนี้เด็กชายไม่ค่อยให้ความร่วมมือเลย



10. เริ่มเจ็บคอเหมือนจะไม่สบาย น่าจะมาจากทนร้อนตากไอแดดช่วงรอซ่อมรถนาน เย็นนี้เลยจะขอแยกตัวไม่ไปไหนแล้วพักอยู่ห้อง กินยาแล้วพยายามนอนนิ่งๆ เผื่อถ้าหลับไปได้ก็จะดีมาก แต่แน่นอนว่าไม่หลับหรอก ปกติหลับยากอยู่แล้ว ตอน 6 โมงเย็นอย่าหวังว่าจะหลับ


11. ทำใจได้ลุกมากเตรียมของ บูชา BIB ที่ไม่ได้ทำมานานกว่า 2 ปี คุยเล่นกันปกติจนพากันเข้านอนทั้งหมดอีกครั้งตอน 2 ทุ่มครึ่ง กะว่านอนได้ก็ดี ไม่ได้ก็ไม่เป็นไรปกติ



12. ดีที่พอวูบหลับไปได้ 2 งีบ ทีละ 40 นาที ถึงไม่สดชื่นแต่เลยไม่ได้เปลี้ยเพลียมาก ก่อนเที่ยงคืนลุกขึ้นมาเตรียมตัว กะว่าไหนๆก็ไม่นอนแล้ว ไปเร็วกว่าที่คิดนิดนึงเลย จะได้กวนคนไปส่งไม่มาก


13. เข้าห้องน้ำนานนิด แต่พอดีออกตามเวลาก่อนตีหนึ่งนิดหน่อย คราวนี้รถไม่ติด ใช้เวลาไม่ถึง 15 นาทีก็ร่ำลาลงรถ เดินเข้าพื้นที่งาน


14. พอมีเวลา คิดว่าเมื่อวานเย็นไม่ได้กินมื้อหลักกินแต่ของว่าง เลยจะหาอะไรกินเพิ่มอีกนิด เข้า 7-11 จะจัดขนมปัง กาแฟกระป๋อง และน้ำวิตามิน(ปกติไม่ซื้อกินแต่คันๆคอและหยวนว่าเป็นเกลือแร่ให้กินเผื่อไว้) กินได้ไม่หมดดีแต่คิดว่าควรพอ เดี๋ยวหนักไป


15. เหลือเวลาอีก25 นาทีปล่อยตัว ลุกมาจ๊อกพอปลุกกล้ามเนื้อ200ม. ดริลและยืดแบบที่ทำทุกที จะเดินหาเพื่อนก้ไม่ทันแล้ว อีก5 นาทีจะปิดบล็อก อวยพร แล้วเจอกัน


16. เดินไปเข้าบลีอค A3 คนเข้าไป ¾ แล้ว แต่ปีนี้ยืนตามจุดเลยแทรกๆพยายามไปอยู่ข้างหน้าหาที่ว่างเท่าที่ได้ ตำแหน่งโอเคก็เหลือเวลา 5 นาที ดูจอก็มีแนะนำอีลีทอีกแป๊บเดียวก็เตรียมปล่อยตัวแล้ว 



เอาล่ะ รอมานานแล้ว วันนี้จะทำเต็มที่ ขอให้ได้ตามแผนด้วยเถอะ (-/\-)


วันจันทร์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2565

Prepare for Bangsean 42 2021 (ที่วิ่ง 2022) มาราธอนที่ 8 กับการพยายามกลับมา back on track ของข้าพเจ้า


หมายเหตุ
ที่จริงการเตรียมตัวทั้งหมดเริ่มจากการเตรียมมาวิ่งงานบางแสน42 แต่ดันจะต้องวิ่งมาราธอนสองสัปดาห์ติด เนื่องจากกำแพงแสนมาราธอนดันเลื่อนทีหลังมาเป็นวัน 13 มี.ค. และบางแสน42 วันที่ 20 มี.ค. จึงต้องเลือก A-race ได้งานเดียว ทำให้เลือกกำแพงแสน เพราะมาถึงก่อน และเป็นสนามทางราบเรียบ ควรจะทำเวลาดีกว่า แล้วค่อยไปวิ่งพังๆหนุกๆที่บางแสน คำนวนช่วงพีคแล้วซ้อมมาเรื่อย โควิดดันระบาดหนักอีกรอบ งานกำแพงแสนจึงเลื่อนกระชั้นแค่ 10 วันก่อนงาน ทำให้ต้องมาจบที่บางแสนเหมือนเดิม


1. หลังโควิด วงการวิ่ง+ไตร ต่างได้รับผลกระทบกันท่วนทั่ว ทั้งผู้จัดและนักกีฬา งานเลื่อนกันจนเป็นเรื่องปกติ

เพราะเวฟโควิดที่มาเป็นระรอกทุก 3-4 เดือน งานไหนโชคดีลงเวลาไว้ช่วงระหว่างเวฟ ก็อาจจะได้จัดบ้าง แต่ถ้าช่วงพีคก็จะเจอการเลื่อนแล้วเลื่อนอีก จนบางงาน 2 ปีแล้วก็ยังไม่ได้จัด อาจจะต้องไปปีที่ 3-4 หรืออย่างแย่ อาจจะไม่ได้จัดอีกแล้ว


2. ผมเอง หลังจากไตรกีฬา IM 70.3 Bangsean 2020 ก็ไม่ได้ลงงานกีฬาใดๆมาตลอด 2 ปี (ที่จริงลง แต่เลื่อนกันกระจาย) ถ้านับมาราธอนก็นานก่อนหน้านั้นไปอีก และตลอดเวลาแม้จะพยายาม ออกกำลังกายสม่ำเสมอ แต่ถ้าเทียบกับก่อนหน้านี่คือเยอะกว่าวอร์มนิดเดียว แน่นอนตอนนั้นใครจะไปสน performance แค่เอาชีวิตให้รอดพ้นปีไปได้ก็เก่งแล้ว


3. ต้นเดือนธันวาคม 2021 งานบางแสนเปิดรับสมัครหลังจากที่เลื่อนมา ผมที่เคยบอกไว้ว่าจะไม่ลงงานบางแสนแล้ว เพราะมันดีมาก อยากให้คนที่อยากวิ่งหรือมาเปิดมาราธอนแรกได้ lotto มาวิ่ง ก็ต้องเปลี่ยนใจ คิดซะว่าขอไปอีกซักครั้งแล้วกัน ลงสมัครไปโดยคิดว่าถ้าดวงจะได้วิ่งก็คงได้ lotto ถ้าไม่ได้ก็แปลว่าชะตาจะยังไม่ได้วิ่ง ก็จะต้องปล่อยไป


4.ผลออกมาได้ lotto ร่วมกับเพื่อนที่สมัครทุกคน (ปีนี้อาจจะคนน้อยกว่าปกติ เพราะโควิดและความไม่แน่นอน มีคนพลาดไปแค่สี่พันกว่า น้อยกว่าทุกครั้ง) โอเค มีดวงได้วิ่ง เพราะงั้นจะไปวิ่งอย่างตั้งใจ


5. มาที่การเตรียมตัว หลังจากไม่สน performance มาตลอดสองปีก็พบว่า ทำอะไรก็ได้อย่างนั้น ซ้อมมาแค่ไหนก็ได้แค่นั้น วัดเพซอาจจะยากเพราะมาราธอนไม่ได้ต้องการเพซสูงซัก 5 ปลายก็สบาย แต่ VO2MAX นี่คือจากพีค 54 ลดมาจน 42 ได้นี่คือไม่เหลือบุญเก่าใดๆให้ใช้ เริ่มใหม่ลูกเดียว


กลับไปไต่กันอีกซักที

6. ทีนี้จะตั้งเป้าวิ่งจบเท่าไหร่ดี? ถ้าอิงสภาพปัจจุบันหลังทดสอบ 4.15h. ดูจะเป็นเพซที่ไม่ลำบาก แต่ แต่ แต่ ก็มาราธอนก่อนที่งาน ATM 2020 มันดึงไปได้ 4.07h. แล้วนะรึจะตั้งเป้าที่ sub 4 ดูหน่อยไหม? ใจอยากลองแต่ร่างพร้อมไหม กับเวลาที่เหลือไม่ถึง 4 เดือน จะดึงตัวเองกลับไปอยู่สภาพใกล้พีคได้ไหม เอางี้ลองเข้าตารางดู ถ้าปลดล๊อกเงื่อนไขตามตารางได้คือมีลุ้น ถ้าไม่ได้ก็ต้องยอมรับ


7. เลือกตาราง 4.00 h. ของ runner’s world มาโมเหมือนเดิม ภายใต้เงื่อนไขวิ่งสัปดาห์ล่ะ 3 วัน + XT 1 วัน ทั้งที่ตารางวิ่งระดับนี้ ส่วนใหญ่นักวิ่งแท้จะวิ่ง 4-5 วัน/week เพราะติดปัญหาหลัก พบว่าฟื้นตัวไม่ทัน เทียบกับแต่ก่อนที่ซ้อมไตรก็วิ่งได้ 3 คาบ ยังมีปั่น กับว่ายต่างหาก ไม่แน่ใจว่าแก่ขึ้น หรือร้างการออกกำลังกายจริงจังนานเลยฟื้นตัวช้า เลยตัดสินใจลดกีฬาอื่นมาแค่ในระดับพักฟื้น เน้นวิ่งไปเลย (งานไตรก็ยังไม่มีให้ลง)


8. ถ้ามีสามคาบ 1 speedwork - 1 Moderate  - 1 longrun คือทางเลือกเดียวของการซ้อมน้อย ใช้ความเหนื่อยแบบมีคุณภาพแลกแทน ด้วยความรู้ความเข้าใจที่ได้จากช่วง IM ถึงระบบพลังงานในกีฬาระยะไกล ก็ทำความเข้าใจร่างกายตัวเองได้มากขึ้น กำหนดเพซจากVdot2 อย่างเข้าใจมากกว่าจะแค่จำมาใช้ ส่วนจะทำได้ไหม เดี๋ยวถึงทดสอบจากตารางก็รู้เอง


9. เงื่อนไขเบื้องต้นของตารางจาก RW จะวิ่ง 4.00 h. ได้ควรจะผ่าน 10k Sub 50 min. และ Half Sub 1.50 h. คือในรอบสองปีที่ผ่านมา ไม่มีการวิ่งใดๆที่เข้าไปใกล้เคียงเวลาที่ว่า ต้องยอมรับกลายๆว่าที่เคยทำได้ในอดีต 3-4 ปีก่อน มันไม่ได้ส่งผลอะไรกับปัจจุบันแล้ว ต้องมาค่อยๆบิลด์กันใหม่ และจากตารางที่นำมาใช้ จะมีคาบวิ่งที่เป็นการทดสอบไปในตัวอยู่แล้ว


10. ช่วงเดือน ธ.ค. เฟส 1 เตรียมร่างกาย ปรับสภาพและกลับมาซ้อมอย่างเป็นระบบ  ตารางค่อนข้างเบา มีแหกตารางไปวิ่งยาวไปหรือเร็วไปบ้าง เลยบาดเจ็บ(สมน้ำหน้า) ดีที่เวลายังมีเหลือมาก เลยได้มีช่วงพักฟื้น วิ่งยาวประมาณ 15-21k ก่อนจะกลับมา 10k sub 50 ได้ก่อนจบเฟส


1 มค. 2022 โปรแบงค์เบี้ยวอดไปไต่เขาใหญ่ เลยไปบางประอินเบรค 100k ทิ้งทวน ไหนๆก็จะพักปั่นแล้ว

11. ช่วงเดือน ม.ค. เฟส 2 ความเร็ว เน้นการคุมความเร็วที่ต้องการ ไต่ระดับการเร่งระดับให้มีหลายเกียร์ตอนวิ่ง อินเทอวัลสลับเทมโป้บ่อย เป็นช่วงที่ได้ความเร็วกลับมาส่วนนึง เพิ่มระยะทางวิ่งยาวไปถึงประมาณ 24-27k วัดใจด้วยการเทสฮาร์ฟ sub 1.50 h. ปรากฎว่าไปวิ่งที่น่านหน้าหนาว ช่วงที่อากาศเย็นมากพอดี เลยได้ PB แบบไม่ตั้งใจเฉยเลย เรียกความมั่นใจได้พอสมควรก่อนจบเฟส


ไปน่านทีถึงจะได้วิ่งในลู่ซักที แต่ยังไม่เคยลงคอร์ทเลย วิ่งแต่ Recovery 


12. ช่วงเดือน ก.พ. เฟส 3 ระยะทาง ยืดระยะเพิ่มขึ้นทั้งระหว่างสัปดาห์และวิ่งยาวที่ไต่ไป 30k+ 3 ครั้งเป็นอย่างน้อย ความเร็วเน้นคุมให้อยู่ตัวมากกว่าจะไปเร่ง คือถ้าไม่โซน 2 ก็โดดไปโซน 4 เลย ต้องแอบวิ่ง M-pace เองอยู่หลายครั้ง เพราะไม่ค่อยมั่นใจว่าวันจริงจะวิ่งเพซนี้ได้ไหม ถ้าไม่ซ้อม แต่ก็ยังเน้นตามตารางเป็นหลักเท่าที่จะเป็นไปได้ ไม่บาดเจ็บอะไรแต่ต้องเน้นการฟื้นสภาพ เพราะระยะยาวล้าสะสม โฟมโรลเลอร์ที่ซื้อมาเพิ่งจะได้ใช้คุ้มค่าก็ช่วงนี้แหละ จนได้วิ่ง 30k+ทุกอาทิตย์ตลอดเดือน กพ. ก่อนจบเฟส


ทดลองแบกเป้น้ำวิ่งยาว ซ้อมแต่งตัวกันแดดเผื่อชิลงาน BS42 ก็ดันไม่ได้ใช้ (หนักด้วย ไม่ง่ายเลย)

13. ช่วงเดือน มี.ค. เฟส 4 เทเปอร์ เริ่มลดระยะทาง ควรจะเป็นช่วงที่ดีเพราะได้เบาลง แต่ต้องสับสนพอสมควร จากเรซที่เล็งไว้ กำแพงแสนมาราธอนเลื่อนอย่างกระชั้น เหลือแต่บางแสน (ตอนพิมพ์นี่คือยังลุ้นอยู่ว่าจะได้วิ่งไหมนะ) จำเป็นต้องยืดเทเปอร์ออกไปอีก 1 สัปดาห์ ทำให้ลากวิ่งยาว30k เพิ่มอีก 1 ครั้ง ดีที่ไม่บาดเจ็บก่อนจะได้ลดระยะจริงๆ คงไว้แต่การซ้อมความเร็วสั้นๆที่ยังเหมือนเดิม เป็นช่วงที่มีโอกาสจะวิ่ง m-pace เพื่อให้คุ้นเคย แต่อากาศที่ร้อนขึ้น ทำให้เหนื่อยกว่าเดิม กังวลกับเรื่องเวลาเพราะเจอทั้งความร้อนและจะต้องขึ้นเนินในช่วงท้าย ทั้งที่ซ้อมทางราบมาอย่างเดียว แต่นอกจากซ้อม hill repeat บ้างก็คงทำอะไรไม่ได้แล้ว คิดว่าซ้อมเบาๆเพื่อรักษาสภาพไว้ ดีกว่าไปซ้อมเพิ่มแล้วเจ็บ ปีนี้ยังพอมีโอกาสอีกรอบสิ้นปีที่จะวิ่งทำเวลา ก็ทำใจเผื่อไว้ซัก50%แล้ว   


14. ช่วงเทเปอร์ 2 สัปดาห์ก่อนถึงงาน อ๊อดนัดเจอเดียร์ชวนวิ่งสวนรถไฟ ถือโอกาสเจอกันก่อนงาน ไม่เน้นวิ่งแล้ว เน้นคุยกัน ไม่ได้เจอกันนาน วันนั้นร้อนแต่ก็พอทนได้และดีที่ลดระยะเยอะแล้ว


เหมือนจะนัดกันวิ่งวันที่ร้อนที่สุดซะงั้น

15. สัปดาห์สุดท้ายก่อนงาน อากาศคือเข้าหน้าร้อนเต็มที่ วิ่งเบาๆก็เหงื่อท่วม หัวใจพุ่ง เป็นไปตามคาด สภาพร่างกายความฟิตเข้าพีคไปก่อนล่วงหน้า 10 วันแล้วตามงานแข่งที่เลื่อน คงต้องพยายามรักษาสภาพไป มีอาการเจ็บที่ไม่ได้เกิดจากวิ่งเพราะดันตกหมอนหรือไปยกเวทผิดฟอร์มก็ไม่แน่ใจ ปวดคอบ่าไหล่ แบบเดียวกับตอนเป็นออฟฟิตซินโดรม ร้าวจนออกแรงหนักๆไม่ได้ ก็ยืดเหยียดและนวดยาบ่อยๆเอา หวังว่าจะทุเลาก่อนถึงวันจริง


16. งานบังคับตรวจ ATK แบบที่ต้องให้เภษัชรับรองเพื่อลงappหมอพร้อม งงนิดหน่อย แต่ถามทำตามขั้นตอนก็ไม่มีปัญหานอกจากที่เขินต้องอัดคลิปตัวเอง แค่รอเวลานานบ้างเพราะคิวยาว ทุกคนก็ตรวจวันเดียวกัน

สรุปรายละเอียดทั้งหมดก่อนวันงานตามนี้ part ต่อไปวันรับ BIB และ race note