BANGSAEN42 2021 Race note
1. ทบทวนแผนและเป้าหมายของงานวิ่งวันนี้ แผนต่างจากทุกครั้งที่เคยวิ่งมา
Plan : ขออยู่ในเกมของ Sub:4 ให้นานที่สุดเท่าที่ทำได้ (หรือวิ่งเพซต่ำกว่า 5.40 ได้แค่ไหน-แค่นั้น)
Target time : 3.59.xx
2. ทุกครั้งก่อนหน้าจะพยายามเกลี่ยเวลาให้ช่วงแรกออกตัวเบากว่าซ้อม แล้วค่อยๆเร่ง ไปจนถึงระยะซ้อมไกลสุดสูงสุด32-35k แล้วก็แค่พยายามสู้ต่อในระยะที่เหลือจนจบ ซึ่งคิดว่าเป็นแผนที่ทำได้ดี เพราะหัวใจจะไม่สูงมากในช่วงแรก ช่วงกลางประคองเพซ พอใกล้หมด แถวๆ 35k ความเร็วก็จะลงลงเองเพราะเหนื่อยสะสม ล้า พลังงานหมด ก่อนจะพอกลับมามีแรงเร่งหน้าเส้น 1-2k สุดท้าย จบแบบเหนื่อยแหละแต่สบายใจและไม่กดดันมาก
3. แต่คราวนี้ไม่เหมือนกัน เป้าหมายเวลาที่อยากทำให้ได้ซักครั้งมัน”เขย่ง” ไปจากความสามารถตอนนี้ อยู่แบบคาบเกี่ยวฉิวเฉียด เพราะไม่ได้จะมุ่งหวังจะมาทำที่บางแสนแต่แรก มันควรจะได้ทำที่กำแพงแสน ที่เป็นสนามทางราบร้อยเปอร์เซนต์ก่อนหน้านี้หนึ่งสัปดาห์ แต่มองอีกแง่ มันก็เป็น โอกาสดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้แล้ว ที่จะได้วิ่งในช่วงเวลาแบบนี้ เพราะงั้นลองมาแข่งกับตัวเอง แบบที่ไม่เคยทำดูดีกว่า อย่างน้อยก็ได้ลองไม่เสียใจทีหลัง
4. กลับมาที่จุดปล่อยตัวบล็อค A3 ไม่มีเวลาให้ทำสมาธิมากนัก เพราะงานนี้ปล่อยตัว ตรงเวลาเป๊ะเหมือนทุกครั้ง เข้าตำแหน่งได้ไม่เกิน 5 นาทีก็เริ่มนับถอยหลัง 5 4 3 2 1 ปรี๊นนนน
5.หลังปล่อยตัวแถวเคลื่อนที่ไปอย่างรวดเร็ว เนื่องจากข้างหน้าทำความเร็วกันสูงระดับเพซ 4 แถวที่ยาวเกิน 100 ม. จึงหายไปอยางรวดเร็ว ใช้เวลาแค่ 70 วินาทีก็วิ่งมาถึงเส้นสตาร์ท …..Game on
6. ช่วง 1-4km. ไหลตามแถวปล่อยตัว ข้อดีของการจัดลำดับปล่อยตัวเป็นบล็อคตามเวลาคือ เ
ราสามารถไหลไปตามแถวได้ในเพซเป้าหมาย เพราะนักวิ่งรอบตัวก็มีเวลาเป้าหมายใกล้เคียงกัน
ไม่ต้องห่วงเรื่องวิ่งช้าไปเพราะติดคนข้างหน้า หรือวิ่งเร็วไปเพราะลั่นตาม 4 กิโลแรกมีเพื่อเช็คสภาพ
วันนี้อากาศกลับมาดี แม้ความชื้นจะยังสูงแต่ช่วงที่ไม่มีตึกบังยังสัมผัสได้ถึงลมเย็นเบาๆ
ประคองเพซ5.4x ได้ในความเหนื่อยที่ยังพอรับได้ เหงื่อยังออกดีไม่น่าห่วงเรื่องระบายความร้อนริมทะเล
ไล่แซงเพซเซอร์ 5.00-4.45-4.30 เร็วกว่าที่คิด
7. ช่วง 5-7km. ออกถนนสุขุมวิท นักวิ่งกระจายตัว วิ่งสบายยังเพซ 5.3xได้ มีลมเบาๆปะทะตัวตลอด เลือกวิ่งค่อนไปทางซ้ายแต่ไม่ชิดมาก ลดระยะเข้าออกรับน้ำ ไล่แซงเพซเซอร์ 4.15 แถวกิโล6 ยังประคองเพซที่ต้องการไปต่อได้ ไม่ได้รีบไล่ 4.00 เพราะคิดว่าคงวิ่งเพซพอๆกัน น่าจะเว้นระยะไปอีกพักใหญ่
8. ช่วง 8-15km. เลี้ยวซ้ายออกจากสุขุมวิทเข้าเส้นอ่างศิลา พระยาสัจจา อาคารพานิชย์บังลมไปพอสมควร
รับเกลือแร่ครั้งแรกที่ 10k (S.หวานมากกก) กินกล้วยตากที่พกมาห่อแรก ไล่ทันเพซเซอร์ 4.00
แถวๆ 14k เร็วกว่าที่คิดนิดหน่อย แต่ถือว่าจังหวะดี เพราะต่อจากนี้ของจริงงาน BS42 กำลังจะเริ่ม
9. ช่วง 15-20km. เข้าสู่สะพานชลมารคขาไป จุดขึ้นสะพานต่างจากของที่เคยมาปี2019 ด้วยสัมผัสพื้นที่เปลี่ยนมาจากแอสฟัลต์เป็นคอนกรีตรับรู้ได้ถึงการดีดสะท้อนที่แรงขึ้นอย่างชัดเจน รองเท้าที่ใช้ยังช่วยซัพพอร์ตได้ดีพอสมควรแม้แทบไม่ได้ซ้อมทางคอนกรีตแต่ยังไปได้ไม่หนักเท่าที่คิด ได้ไล่ทันเพซเซอร์ก่อนสะพานพอดี เลยตั้งใจว่าจะเกาะเพซเซอร์ยาวๆอย่างน้อยครึ่งทางไปก่อน ซึ่งช่วยได้มากเพราะวิ่งสบายขึ้น นิ่งขึ้น กลุ่มตอนนี้ค่อนข้างใหญ่เกือบ 20 คน และมีเกาะอยู่หน้าหลังอีกพอสมควร สมเป็นเวลาหมุดไมล์ยอดนิยมสำหรับคนตั้งใจมาวิ่ง นินทาเพซเซอร์ในใจนิดหน่อยว่าพวกพี่เค้าดูขาแรงสายโหด เน้นห้วนๆ ไม่เน้นชวนคนหาลูกค้า ไม่เน้นให้กำลังใจ เหมือนเน้นวิ่งไล่ 4 ชม.มาแล้วๆ อะไรแบบนั้น 55+ มีสุภาพสตรีหนึ่งคน ซึ่งจากฟอร์มแล้วน่าจะได้คิงคองไปแล้วเลยเปลี่ยนเป็นเพซเซอร์แทนมั่ง แถว 16k ต่างชาติลำดับ1-2 กลับตัวสวนไป คราวนี้มาทันเจอช่วยด้านกำลังใจดี จากนั้นก็เป็นอีลีท แต่พอตามเพซเซอร์ใกล้ๆก็จะไม่ค่อยได้มองไปนานๆ กลัวสะดุด ไหลไปกับกลุ่มเรื่อยๆจนเห็นจุดกลับตัวไกลๆแล้ว
10. ช่วง 21-25km.จุดกลับตัวเป็นบริเวณทางลงสุดสะพาน อยู่ก่อน21k นิดหน่อย เริ่มซ้อมเนินแรกเบาๆตรงนี้ มาอีกนิดเดียวถึง CP21.1km. เช็คเวลาครึ่งทางประมาณ 1.58h. เศษๆ รักษาเวลาได้โดยยังไม่มีอะไรน่าห่วง (ขอดีของการวิ่งกับเพซเซอร์) ร่างกายเริ่มล้าๆ มีอาการปวดตึงน่อง จนต้องแวะขอสเปรย์น่องดักไว้ก่อน เพราะยังไม่ควรติดว่าครึ่งทางแล้ว ควรต้องเลยสะพานไปก่อน หยิบกล้วยตากซองที่ 2 ขึ้นมากิน และที่23k ก็รับเจลแจกมาเพิ่ม แรงยังไม่ตก เริ่มคิดจะเร่งนิดๆเพื่อฉีกกลุ่ม เพราะรู้สึกว่าไม่อยากไปเบียดเดินตอนจุดรับน้ำเพราะติดคน แต่ก็รู้ดีว่าการเร่งมันจะเป็นไปอย่างช้ามาก ตอนนี้กลุ่มคุมเพซ 5.2x-5.3x ซึ่งเริ่มไปเบียดใกล้ LT แถมพอเริ่มฉีกออกมาได้ระยะซัก 50 ม.ก็ดันคิดว่าเข้าห้องน้ำเผื่อไว้ดีกว่า เพราะตอน 30 กิโลไป ไม่อยากเสียจังหวะหยุดวิ่งอีก แวะเข้าห้องน้ำที่ต้องเดินแยกออกไป 15 ม. กว่าจะเสร็จกลับมาก็โดนกลุ่มแซงคืนไปตามคาด กลายเป็นค่อยๆไล่กลุ่มคืน ตอนนี้คนที่ล้อมเพซเซอร์เริ่มเปลี่ยนหน้า น่าจะเก็บแรงไว้ครึ่งหลังกันมาหลายคน วิ่งตามโค้งไฟตามแนวสะพานมาจนตอนนี้เริ่มเห็นจุดลงสะพานแล้ว
11. ช่วง 26-31km. ลงสะพานมาแต่ก็ยังมีถนนคอนกรีตอีกบ้างเป็นช่วงๆ ตอนนี้พยายามเกาะนักวิ่ง ที่เพซใกล้เคียงกันไปเรื่อยๆ ยังได้อยู่เนื่องจากเป็นทางเรียบๆนานๆโค้งที นำกลุ่มอยู่ซัก 50-80 ม. แล้วแต่ช่วง แต่ก็ได้ยินเสียงขานเวลาไล่ตามมาตลอด เข้ามาโซนที่พักอาศัยลมเลยจะขาดช่วงตอนโดนตึกบัง เหงือกลับมาเปียกเสื้ออีกครั้ง ช่วงนี้มีรถห้องน้ำจอดชิดทางวิ่งจนแอบเสียดายว่าไม่น่ารีบเข้า ประหยัดเวลาได้หลายวินาทีอยู่ และแม้จะกลับมาวิ่งพื้นแอสฟัลต์เป็นบางช่วงแล้ว แต่แรงกระแทกจากถนนคอนกรีตเริ่มส่งผลให้ใช้กล้ามเนื้อหนักจนเริ่มรู้สึกว่าใกล้จะเป็นตะคริว ในหลายๆที่บนขาทั้งสองข้าง แวะพ่นสเปร์โดยพยายามให้เสียเวลาน้อยที่สุด เริ่มหนักใจเพราะของจริงกำลังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
12. ช่วง 31-35km. เริ่มเข้าสู่ช่วง10km.สุดท้ายของเรซ พร้อมกับที่เริ่มมีความชันเข้ามาในเส้นทาง
กินเจลที่พกมาซองแรกช่วงนี้ หลังจากคุมท่าวิ่งประคองเพซ 5.3x มาได้เรื่อยๆ
เริ่มจำเป็นต้องเปลี่ยนท่าวิ่งเป็นลดระยะก้าวแล้วเพิ่มรอบขาตามความชันของเนิน
ซึ่งช่วงแรกนี้ยังไม่มาก 3-5% ยังเป็นความชันที่ซ้อมเวลาวิ่งลู่อยู่บ้าง
ผิดกันตรงที่จะยาวกว่าและมาต่อเนื่องเป็นโรลลิ่งเล็กๆ ใช้กล้ามเนื้อหนักขึ้นมากใกล้แตะขีดแดง
จนต้องหยุดยืดเป็นครั้งแรกระหว่างขึ้นเนิน แต่เสียงเพซเซอร์4.00 ที่ไล่หลังมา
ที่ดูจะใกล้เข้ามาเรื่อยๆทำให้ไม่กล้าหยุดนาน (จริงๆก็ไม่ได้นำเกิน100 ม. หันหลังไปก็คงเจอ
แต่ไม่กล้าแม้แต่จะหันไปเช็คดู) แข็งใจไปต่อเรื่อยๆ จุดพีคช่วงนี้คือหน้าศาลเจ้านาจา
เพราะอากาศร้อนไม่มีลมผ่าน กลับมาดูรูปนี่คือเหงื่อท่วมช่วงนี้มากที่สุด แถมเป็นเนินยาวไม่จะไม่ชัน
น่าจะเป็นจุดที่เข้าสู่โซนที่ไม่น่าเข้าครั้งแรก (point of no return) ทำใจได้ว่าต่อจากนี้
คือไม่มีทางที่ความเหนื่อยจะน้อยลงถ้าไม่หยุดเดิน มีแต่ต้องไปต่อจนกว่าจะหมดเท่านั้น
วัดดวงจริงๆ ตอนนี้อยู่ในเกมมาได้ 3 ชั่วโมงนิดๆแล้ว ตามช่วงเวลาที่คาดว่า ถ้าถึงแค่นี้น่ะไหว
ต่อจากนี้คือพื้นที่ที่ยังไม่เคยไปมาก่อนด้วยเพซนี้ คงต้องใช้ทุกอย่างเท่าที่มีเพื่อไปต่อให้ได้
13. ช่วง 36km.พื้นที่ราบคั่นก่อนถึงเขาสามมุข จุดรับน้ำและเตรียมตัวก่อนช่วงสุดท้าย พ้นเนินนาจา มาด้วยสภาพที่ไม่ดีแล้ว แลคติกที่สะสมทำขาร้อนมากขึ้นเรื่อยๆ และตะคริวที่พร้อมจะขึ้นได้ทุกจุด ทุกเวลา พยายามดื่มน้ำเยอะขึ้น เติมเกลือจากลูกอมและน้ำเกลือแร่ แวะพ้นสเปรย์หลังจากหามานาน (น่าจะครั้งสุดท้ายของเรซ) พยายามเท่าที่จะทำได้เพื่อประคองตัวอย่างที่สุดก่อนขึ้นเขาช่วงสุดท้าย
14. ช่วง 37-40km. และแล้วก็มาถึงเขาสามมุขจนได้ เข้าโล37 จะเป็นเนินหักเลี้ยวขวา
ถือว่าเริ่มปะทะลาสบอสของเรซ กับความชันกลาง 5-8% และยาวกว่าเนินก่อนๆ
ตอนนี้คือเอาแรงก้อนสุดท้ายมาใช้ตั้งแต่เริ่ม แม้รอบขาจะยังพอเร่งไปได้ แต่รู้เลยว่าระยะก้าวลดลงเยอะ
15. ขึ้นได้ถึงกลางเนินแรกเสียงในหัวดังขึ้นเรื่อยๆ "พอไหมๆ ผ่อนไหมๆ เดินไหมๆ" ความคิดไหลวนอยู่ภายใน นี่อยู่ในเกมมาได้ตั้ง 36 โลก็ดีกว่าที่คิดแล้วนะ ช่วงสุดท้ายมันยากขนาดนี้ ทำดีแล้วน่า โอกาสหน้ายังมี ปลายปีมีอีกรอบ อากาศอาจจะดีกว่านี้ ไปซ้อมมาอีกหน่อยไหม เผื่อใจไว้ทำเวลาอีกทีปลายปีแล้วนี่ ฯลฯ โห...ตอนดีลกับตัวเองนี่คือ คิดอะไรวุ่นวายในหัวเต็มไปหมด มาปลายปีอากาศมันจะดีรึเปล่า วันนี้ก็ถือว่าดีกว่าที่หวังแล้วนะ แล้วถ้ารอบปลายปีซ้อมไม่ถึงล่ะ บาดเจ็บล่ะ ไม่ได้จะลงงานเดียวซะหน่อย จะได้ซ้อมเต็มที่เปล่า อยากรอไปอีกจริงๆเหรอะ แล้วถ้าท้ายที่สุด งานเลื่อนไม่มีกำหนดอีกล่ะ แต่ละอันนี้คือตีกันวุ่นไปหมด แต่ แต่ และแต่ จนกระทังเสียงนึงก็ลอยมา เสียงที่ไม่อยากได้ยิน ถึงขั้นเริ่มรังเกียจก็ดังตามมาจนได้ “4ชั่วโมง 4 ชั่วโมงมาแล้วนะ” นั่นแหละครับ จากที่กำลังท้ออยู่ในหัว กลายเป็นไม่คิดอะไรแล้ว คิดแต่ว่าจะต้องไม่ให้ไล่โดนไล่ทันตอนนี้เท่านั้น ที่วิ่งมาจนถึงตอนนี้ทั้งหมดมันก็นำมาสู่การต่อสู้ช่วงสุดท้ายตอนนี้แหละ ขออีก 3 เนิน รักษารอบขาไปเรื่อยๆนะ อย่าเพิ่งผ่อนนะ นับถอยหลังไปทีละเนิน เห็นมาหลายครั้งตอนกดรีวิวสนามและตอน IM สองปีก่อนก็วนมาตั้งสามรอบ ไปได้จนผ่านตัวอักษร BANGSAEN อีกเนินเดียว อย่างเพิ่งโดนแซงนะ ไต่เนินสุดท้ายโค้งขวายาวๆถึงยอด หมดพอดี หมดจริงๆที่เหลือคงต้องปล่อยไหลลงแล้วใช้ใจวิ่งอย่างเดียว
16. ช่วง 41-42km. ปล่อยขาลงเนินสุดท้ายมาเท่าที่ยังทำได้ๆ คุมความเหนื่อยแทบไม่ไหว การใส่แรงทั้งหมดครั้งสุดท้ายทำเอาหัวใจน่าจะไปโซน 5 ปลายๆเรียบร้อย ช่วงสุดท้ายนี้ เหลือแค่ทางราบริมทะเล เสียงเพซเซอร์4.00 ยังไล่หลังมา แต่ระยะห่างไม่ได้ใกล้เพิ่มแล้ว ถ้าเรายังแค่รักษาเพซได้เค้าควรจะไล่ไม่ทัน เพราะโดนล๊อคความเร็วทางราบ แต่สองกิโลสุดท้ายในขณะที่ทุกคนรอบตัวเร่งความเร็วขึ้นใส่ทั้งหมดที่เหลือเพื่อเข้าเส้นอย่างสวยๆ ผมกลับต้องพยายามให้ตัวเองก้าวขายาวเพิ่มขึ้น เพราะรอบขาเร่งต่อไม่ไหว แถมเพซก็เริ่มตกไป 5.5x ถึงกับมีแตะๆ 6.0 น่าจะเป็นช่วงทางราบที่ช้าที่สุดในเรซแล้ว แม้จะร้อนใจที่โดนแซงไปเรื่อยๆจากคนที่แรงเหลือ ก็ยังต่อรองกับตัวเองในใจว่า ออกหลังเพซเซอร์หนึ่งนาที ถ้ากลับไปเกาะเค้าก็ยังได้เวลาที่ต้องการอยู่ แต่ก็นั่นแหละ การเห็นคนรอบๆตัวใช้แรงเร่งช่วงสุดท้ายมันก็เหมือนกับช่วยดันหลังเรากลายๆว่า ตอนนี้คือท้ายที่สุดแล้ว จะไม่มีทางให้วิ่งต่ออีกแล้วนะ พยายามวิ่งไหลไปตามนักวิ่งข้างๆ ซึ่งช่วง 4.00h. มีคนเข้าทะยอยเส้นชัยเยอะมาก ผ่านกิโลสุดท้ายที่เป็นทางตรงยาว มองเห็นซุ้มไกลๆ แต่ก็ไม่ไปถึงซักที
17. หน้าเส้นชัย ไม่ว่าจะเกิดอะไรผ่านอะไรกันมาตลอดเส้นทาง ในตอนนี้ไม่มีซักคนเหลียวกลับมองหลัง
มีแต่คนมองไปข้างหน้า ภาพเหมือนช้าลงเล็กน้อยตอนเราเข้าใกล้เส้นชัย สิ่งที่จำได้ เราแหงนหน้ามองเวลา
3:58:xx ยิ้มกว้าง กำมือชูแขนสองข้างอย่างยินดี แล้วเปลี่ยนมาเป็นตบมือให้ตัวเอง-ให้นักวิ่งที่เข้ามาพร้อมกัน
ใช่ ทำได้แล้ววันนี้ Sub4 ที่ใช้เวลารออย่างยาวนาน ซ้อม-ยกเลิก, ซ้อม-เลื่อน มาร่วม 2 ปี 2 เดือน
18. นักวิ่งเข้ามาใกล้ๆกันหน้าหลังเป็นจำนวนมากกว่าที่คิด สมเป็นงานระดับสูง เพซเซอร์ 4.00h. เหลือ 3 คนจาก 5 ตามเข้ามาต่อไม่กี่วินาที (เข้าก่อนเวลา 1 นาทีด้วย อย่างว่าสนามมันยากช่วงท้าย คลาดแค่นี้ก็เก่งแล้ว แต่มีช่วงเร่งเร็วไปใช่ไหมตอนดันหลังผมน่ะ 55+) เดินไปรับซองเสื้อ+เหรียญ สบายๆ ยังไม่ทันมีคิว
19. ข้อยืนยันว่าเราใช้พลังทั้งหมดที่มีแล้วจริงๆ คือเป็นครั้งแรกที่หมดแบบนี้ จะจ๊อกต่อ cool down คือทำไม่ได้ ได้แต่พยายามเดิน ถ้าผ่อนก่อนเข้าเส้นสภาพที่เหลือคงเป็นแบบนี้ จากที่จะวิ่งกลับไปเขาสามมุขเลยต้องยอมแพ้ และทันที่ที่หยุดยืดเหยียบตะคริวมาทั่วตัว คือยืดตรงไหน มาแถวๆนั้น ก้มมากไปก็ขึ้นท้อง โห นี่สินะที่นักวิ่งอัลตร้าเค้าตะคริวขึ้นทั่วตัว ที่แค่ฟลูแบบเต็มแรงยังขนาดนี้
20. ไลน์ไปบอกครอบครัวว่าจบแล้ว เรียบร้อยดี ไม่ต้องรีบมาขอพักก่อน ต้องพักนั่งเก้าอี้อยู่ครึ่งชัวโมง ถึงกลับมาปกติ แต่ก็ยังจ๊อกไม่ไหว จะเดินไปจุดให้น้ำสุดท้ายที่กิโล 41 ก็ยังรู้สึกว่าไกลไป ได้แต่เปิดดูคำนวณเวลาเดียร์กับอ๊อด เวลาไม่แย่กัน น่าจะอีกไม่นาน ขอให้สนุกเข้าเส้นไม่เจ็บ เดี๋ยวรอหน้าเส้น 555
21. รอเพื่อนเข้าเส้น เดียร์พลาดเป้าไปนิดหน่อยแต่ยังน่าพอใจมากกับความยากสนามแบบนี้คาบซ้อมเท่านี้ อ๊อดประคองตัวอย่างที่น่าจะเป็นได้เวลาตามคาดโดยไม่เจ็บ นี่ก็แน่นอนเหมือนเดิม ทันถ่ายรูปเป็นที่ระลึก ก่อนแยกย้ายก็คุยกันกลายๆว่า รอบปลายปี2022 น่าจะได้กลับมากันครบๆ ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด (โปรแบงค์ที่ต้อง DNS รอบนี้ ก็หวังอยู่ว่าปลายปีจะมาเก็บฟลูที่นี่ให้ได้นะ)
21. แวะส่งเดียร์(มีปฐมพยายาลตะคริวขึ้นทั่วตัว คิดถึงตัวเองตอนวิ่งเพิ่งจบ) กลับโรงแรมอาบน้ำเก็บของ พอได้กินอาหารเช้าแรงก็เริ่มกลับมา ถึงจะล้าจนวิ่งอีกไม่ไหว แต่วันนี้เรายังมีภาระกิจสำคัญ ของพ่อที่ต้องพาลูกเที่ยวสวนสัตว์เขาเขียวต่อ ดีที่ไม่ได้รู้สึกถึงอาการบาดเจ็บใดๆ นอกจากปวดเมื่อยเยอะมากเป็นปกติ แน่นอนว่าต้องหลีกเลี่ยงบันไดไปอ้อมขึ้นทางลาดผู้พิการ และก็อู้เยอะหน่อย หึหึ
22. สรุปท้ายงานวิ่งบางแสน42 2021 ยังจัดดีเหมือนเดิม มีแนวหลังบ่นนิดหน่อยว่าของกินและน้ำขาดไปกว่าปีก่อน (ยังไม่เคยได้กินซักที) ถ้าวิ่งไม่เกิน 4 ชม.จะเป็น Night race ฟ้าเริ่มสีเงินตอนเข้าเส้นพอดี แม้เส้นทางช่วงท้ายจะความท้าทายสูง ไม่เหมาะกับเป็นสนาม PB แต่บรรยากาศในงานจะกระตุ้นให้เราอยากวิ่งเต็มความสามารถ (ก่อนจะมาพังที่เขาสามมุกกันยับๆ) หลายๆคนให้เป็น A-Race เป็นสนามที่เป็นมิตรกับมาราธอนแรกในเงื่อนไขต้องซ้อมถึงเท่านั้น มีดราม่าใหญ่ให้เสพหลังเส้นตลอด ตัดสินใจขอเปลี่ยนใจจากแบ่งให้คนอื่นวิ่งงานนี้บ้าง เป็นขอรักษาสิทธินักวิ่งหน้าเก่าไปซักพัก เจอกันอีกปลายปี 2022
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น