วันอาทิตย์ที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2565

Khaokho Marathon 2022 Race day - Race note

 


Khaokho Super full Marathon 45 Race note (5June22)

  • ตื่นตั้งแต่เที่ยงคืนเศษ นอนฟังเพลงรอเวลา ตีหนึ่งครึ่งลุกไปแต่งตัว ตีสองกินขนมปังกับนม เสร็จแล้วพร้อมออกเดินทาง

  • ต้องลากเดียร์นั่งรถออกไปด้วยแม้ฮาร์ฟจะปล่อยตัวหลังฟลูตั้ง 2 ชม. แต่ไม่รู้จะไปยังไง แถวที่พักไม่มีนักวิ่งให้ขอติดรถเลย น่าสงสาร

  • ถึงหน้าจุดปล่อยตัว 2.35 ฝากเดียร์ดูแลเรื่องรถต่อ เราก็ลงแล้วเดินเข้างาน เห็นคนน้อยๆ ที่จริงรอด้านในหมดแล้ว

  • ต้องไปฝากของเพราะลืมถอดเสื้อที่สวมกันหนาว โชคร้ายตอนถอดเสื้อ ไปทำหูฟังหลุดไม่รู้ตัว เสียหูฟังอันใหม่ไปอย่างรวดเร็ว TT 

  • ก่อนปล่อยตัว 3 นาทีก็ไปแทรกๆต่อแถว ปรากฎซุ้มประตูไฟดับ เสียเวลารีเซตนาฬิกาเล็กน้อย ปล่อยตัวเลทไป 2 นาที ก็ยังโอเค๊ สุดวิสัย

  • จริงๆค่อนข้างประหลาดใจที่ชิลกว่าปกติมาก อาจเป็นเพราะไม่ได้จะมาวิ่งเอาเวลา
    แค่มาเก็บงานที่ลงไว้ กับมาลองสนามยากดูซักครั้งมั้ง หรือไม่ก็เพราะเพื่อนชิล
    (ก็แหง เค้าลงฮาร์ฟกัน)


  • 3.02 ปล่อยตัวก็ทยอยๆเดินตามคนข้างหน้าไป พ้นซุ่มเริ่มจ๊อก ออกตัวไม่รีบ แต่ก็ไม่เฉื่อย คนไม่แน่นมากพอค่อยๆแซงไปได้เรื่อยๆ (นักวิ่งฟลูประมาณ 1,600 คน)

  • ช่วง 2k แรกทางโรลลิ่งเล็กๆ ประคองเพซ 6 ไป ค่อยๆแซงเพซเซอร์โป่ง
    ไล่ไปจนถึงโป่ง 5.30 ที่แถวๆทางเลี้ยวเข้าเส้นรองไปเขาค้อ แสงไฟน้อยลง
    จนมองไม่เห็นโป่งข้างหน้าแล้ว แต่ก็ได้ตำแหน่งตามเป้าคือขอจบก่อน 5.30
    พยายามวิ่งนำไปหน่อยเผื่อหยุดกินน้ำ หรือเดินขึ้นเนินมากเกินไปจะได้ไม่โดนไล่จี้
    (ตอนบางแสน42เครียดเกินไป)


  • ช่วง 3-12 k วิ่งไหลทางของถนน 2 เลนไปเขาค้อ แต่ก็วิ่งสะดวกเพราะแทบไม่มีรถ ไหล่ทางกว้าง และมีกันรถให้ช่วงรับน้ำหรือกระชั้น แสงไฟลดลงจากถนนใหญ่ มีไฟเป็นช่วงๆที่มีบ้านหรือรีสอร์ทติดๆกัน ตัดสินใจเอา headlamp ที่แจกติดมาด้วย ก็ได้ใช้งาน ไม่ได้มืดขนาดวิ่งไม่ไหว แต่การมีไฟติดหัวเองรู้สึกคุณภาพชีวิตดีกว่ามาก (ลังเลเพราะไม่ได้ซ้อมใส่ และคิดว่ามีน้ำหนักอาจเป็นภาระช่วงหลังสว่าง) 

  • ทางเป็นโรลลิ่งเบาๆมาตลอด ยังไม่ถึงกับต้องเดินขึ้น แต่เริ่มมีเนินที่เริ่มชัน จนทำให้หอบหนักมาเป็นพักๆแล้ว เริ่มเจอนักวิ่งเดินบ้างอาจอยากเซฟขาไว้เผื่อช่วงหลัง ถึงตลาดแถว กม. 12 แยกจากระยะฮาร์ฟแล้ว ต่อจากนี้ทางเป็นไงไม่รู้ เพราะไม่เคยแม้แต่จะขับรถผ่าน

  • พอเข้า 13 k แยกไปถนนขึ้นจุดชมวิว(มั้ง) คราวนี้มืดสนิท ถนนไม่มีไฟ มีแต่แสงมาจาก headlamp ที่นักวิ่งติดตัวมาเท่านั้น รู้สึกได้ถึงความชันค่อยๆเพิ่มมากขึ้น พร้อมๆกับที่เนินแต่ละลูกยาวขึ้น จนเริ่มมีเนินที่วิ่งขึ้นไม่ไหว ใครแรงดีก็ยังจ๊อกไปต่อได้ แต่สุดท้ายก็ต้องเปลี่ยนมาเดินอยู่ดี เพราะยาวต่อเนื่องเป็นกิโล และยังโค้งไปมาในความมืดมองไม่ได้ไกล เนินที่นึกว่าจะถึงยอดแล้วก็เลยยังยืดยาวต่อไปเรื่อยๆ

  • ช่วง 16-17k น่าจะเป็นการไต่เขาจริงๆช่วงแรก ทำอะไรไม่ได้นอกจากเอียงตัวไปข้างหน้ามากๆ แล้วก็ power walk ต่อไปทีละก้าว คอยมองแสงไฟจากคนข้างหน้านำทางสั้นๆ

  • ขึ้นถึงยอดแรกจะเป็นทางโรลลิ่งบนยอดไปประมาณ 2km. ช่วงนี้ทุกคนกลับมาวิ่งได้ เหมือนได้พักเหนื่อย (ตลกนิดๆที่วิ่งเหนื่อยน้อยกว่าเดินขึ้น) อากาศข้างบนค่อนข้างเย็น เพราะไม่มีอะไรบังลม ขอบฟ้าเริ่มสีเทา ตีห้าพระอาทิตย์ใกล้ขึ้นแล้ว

  • ที่ 18kปลายๆ เป็นทางลงเขา ลงแรงแบบที่ขึ้นชันแค่ไหน ลงก็ชันเท่านั้น ใช้ซอยเท้าเร็วๆเอาเพราะลงชันขนาดนี้วิ่งไม่ได้แน่ ปล่อยไหลแบบคอยยั้งตัว เอนตัวไปด้านหลังเต็มที่ พยายามลงให้เบา กลัวว่าถ้าเจ็บมาตอนนี้จะแย่ ยังมาได้ไม่ถึงครึ่งทาง

  • ลงยาวมาจนตัดเข้าถนนเส้นไปเขาค้อ เป็นช่วงทางราบสั้นๆ ก่อนจะเลี้ยวซ้ายขึ้นไปทางทุ่งกังหันลม 

  • ที่ 21k ทันที่ที่เลี้ยวซ้ายก็เป็นทางขึ้นเขายาวๆ ทุกคนยังพยายามวิ่งดันส่งให้ไกลที่สุด เท่าที่แต่ละคนจะไหว แต่ก็ต่างกันได้ไม่กี่สิบเมตรก่อนจะต้องเปลี่ยนมาเดินเหมือนเดิม ชันเหมือนขึ้นเขาลูกแรก พอฟ้าเริ่มสว่างมองไปไกลๆ เห็นเนินพับไปมาสุดสายตา คราวนี้ก็ไม่มีใครฝืน เหมือนเข้าช่วงวัดใจเผื่อแรง เดินเร็วเอาเพซของใครของมัน


  • สว่างแล้วเก็บ headlamp เข้ากระเป๋าคาดเอว ดีที่กินขนมไปบ้างแล้วเลยไม่ถ่วงเท่าไหร่ เดินกดขึ้นเขากันไป พอสูงขึ้นก็เห็นวิวดีขึ้น เห็นทะเลหมอกอยู่ไกลๆ ใกล้ๆไม่มี แต่ก็สวยมากแล้ว

  • ที่ 23k เดินขึ้นมาได้ยาวประมาณเขาลูกแรก อยู่ประมาณกลางทางขึ้นทุ่งกังหัน ทางเปลี่ยนเป็นช่วงโรลลิ่งเบาๆไม่ชันทำให้กลับมาวิ่งกันได้ เริ่มมีบ้านและรีสอร์ทอยู่ข้างทาง พอได้พักหลังเดินตึงหน้าขามา


  • ที่ 26k เข้าสู่ทางชันอีกครึ่งทางที่เหลือ คราวนี้ชันดีดน่าจะชันที่สุดยาวที่สุดของเรซ โค้งน้อยลง เห็นความยาวเนินไกลขึ้น นักวิ่งเดินไปคุยกันไป ใครมีสเปรย์ติดมา จะกลายเป็นผู้มีพระคุณกับคนรอบตัวมากๆ ส่งกำลังใจกันว่ายากสุดแล้ว มาเดินไปเรื่อยๆจนถึงยอดกัน


  • ที่ 27k พาตัวเองมาถึงยอดได้ ทางเข้าเป็นสวนสนเล็กๆหลังจากนั้นเป็นที่ราบกว้าง พื้นกลายเป็นทางดินมีกรวด เจอซุ้มน้ำใหญ่แจกเยลลี่เจเล่ (สดชื่นดี แต่ไม่ค่อยเหมาะกับนักวิ่งนะ แคลน้อย ไม่มีเกลือแร่) กินกล้วยหอมชิ้นเล็ก รู้สึกดี สดชื่น ข้างบนความชื้นสูง เย็นจางๆ อากาศดีมาก วันนี้ไม่มีแดด อาจมีละอองฝนจางๆแต่ไม่เรียกว่าฝนตก ถือว่าเหมาะกันการวิ่งกลางแจ้งมากๆ


  • ผ่านซุ่มน้ำข้างๆมีป้ายไวท์บอร์ดเขียนข้อตวามที่ผู้จัดเตรียมไว้ ถึงรู้ดีว่าข้างหลังคงมาเขียนทับ แต่ก็ขอสักหน่อย พอขึ้นมาถึงบนนี้ได้ความสบายใจมันช่วยให้ผ่อนคลาย ไม่ได้รู้สึก อยากรีบวิ่งต่อเท่าไหร่ จับปากกาลงเขียนเป็นที่ระลึก “รู้แล้วว่าทำไมหลายคนถึงบอกว่าไม่มาซ้ำน่ะ”


  • แวะตั้งกล้องถ่ายรูป วิ่งๆหยุดๆไปตลอดกิโล ข้างบนวิวดี เขาค้อสีเขียวเพราะเริ่มหน้าฝน อากาศดีเป็นใจ กังหันขนาดยักษ์ส่งเสียงหมุนคล้ายทำนองกล่อม เวิ้งว้างแต่ก็มีพลัง
    ทอดยาวไปไกล เป็นช่วง 3 กิโลที่อยากอยู่ให้นานๆ เส้นทางยังคงโรลลิ่งแต่ก็ในระดับ ที่ทุกคนยังวิ่งไปต่อกันได้ ยกให้เป็นช่วงเส้นทางที่ดีที่สุดเท่าที่เคยไปงานวิ่งมา




  • ที่ 30k หลังจากผ่านเส้นทางช่วงประทับใจ และผ่านช่างภาพจำนวนมากมาแล้ว ก็ถึงเวลาที่ต้องลงจากทุ่งกังหันแล้ว เหมือนเดิมของสนามนี้ ขึ้นสุดลงสุด
    ขึ้นมาด้วยความชันเท่าไหนก็ลงชันเท่านั้น แถมการลงคราวนี้เริ่มด้วยทางดินมีกรวดลอยนิดหน่อย
    ให้บรรยากาศเทรล วิวยังคงสวย แต่ต้องมีสมาธิกับการวางเท้าพอสมควร
    เป็นช่วงที่ทำความเร็วได้ทำให้หลายคนเริ่มกลับมาวิ่งจริงจังหลังจากก่อนหน้าดูเหมือนจ๊อกดูวิว 


  • ลงถนนดินทำความเร็วมาได้กิโลครึ่ง คราวนี้ทางเรียกว่ารูดลงแถมเป็นพื้นคอนกรีตด้วย ขาขึ้นมี 2 ขยัก แต่ลงนั้นรวดเดียว พยายามเดินประคองไม่ให้วิ่งไหลลง ขนาดแค่เดินเร็ว แรงกระแทกยังมาก กลัวเจ็บ พี่ๆมีอายุหน่อยที่วิ่งมาเพซเดียวกันยอมลดความเร็วลง ถนอมร่างกายกัน บางคนเลือกถอยหลังลง มันชันมากจริงๆ แถมยาวมองไม่เห็นทางออกโค้ง 

  • ที่ 34k หลังจากอดทนลงเขากันมา ในที่สุดก็ถึงด้านล่าง กลับมาอยู่ระดับเดียวกับก่อนขึ้นเขา ถนนยังเป็นทางคอนกรีตตัดเข้าหมู่บ้านมีความโรลลิ่งเบาๆ บางเนินก็เดิน บางเนินก็วิ่งได้ บรรยากาศกลับเข้าเป็นปกติของงานแข่งวิ่ง มีคนทำความเร็วสลับกันขึ้นนำไปมา

  • จากนี้กลับเข้าสู่ถนนลาดยางเส้นไปเขาค้อ แต่มีพาตัดเข้าผ่านไร่ BN แวะไปวิ่งทางดินนุ่ม
    ผ่านป่าอุโมงต้นไผ่ ก็ได้บรรยากาศแตกต่างจากเดิม คิดว่าน่าจะเป็นจุดพักร้อนได้ดีในปีที่แดดแรง
    แต่ปีนี้ไม่มีแดด เลยวิ่งสบายไม่ต่างกัน


  • ที่ 39k ออกจากไร่กลับเข้าสู่ถนนเส้นขามา ไปสมทบกับนักวิ่งระยะฮาร์ฟช่วงกลางค่อนท้าย คนคึกคัก เราก็อาศัยไหลไปตามคนข้างหน้า เพราะคิดว่ากลุ่มนี้วิ่งเพซช้ากว่าเราวิ่งปกตินิดหน่อย เริ่มหมดแรงต้องเดินช่วงขึ้นเนินบ้าง ส่วนนักวิ่งฟลูส่วนใหญ่ที่ตามมานั้นก็แซงเราไปซะแล้ว

  • วิ่งสบายๆแต่ก็ยังมีบางช่วงรู้สึกหมดแรง ที่จริงก็ไม่แปลก ตอนนี้ระยะมันจะจบฟลูมาราธอนแล้ว แถมนึกได้ว่าไม่ได้หยิบอะไรออกมากินนานแล้ว เลยกินเจลไป พอแรงกลับมาก็เคาะต่อไปได้เรื่อยๆ

     

  • ผ่าน 42.2k ไปได้ด้วยความรู้สึกว่าไม่ได้เหนื่อยหนัก คิดว่าน่าจะไปจนจบได้ไม่มีปัญหา เลี้ยวออกถนนใหญ่ ดูเวลา อ่าว..ยังไม่ 5 ชั่วโมงนี่นา ดีกว่าที่คิดนิดหน่อย แต่คำนวณเวลาคร่าวๆ ไงๆก็คง sub 5 ไม่ทันแล้ว ถึงจะเร่งไปก็มีโอกาสเจ็บโดยไม่จำเป้น ถ้าคิดจะวิ่งสบาย ก็อย่าไปสนใจตัวเลขสมมุติ subx.xx อะไรมาก ตอนนี้ก็วิ่งมีความสุขดีแล้ว ไปเรื่อยๆแล้วกัน

  • ที่ 500 ม.สุดท้ายเลี้ยวเค้า jolly land ไปจุดปล่อยตัว ประคองความเร็ว ผ่านกลุ่มนักวิ่งทุกระยะ ที่มารวมเส้นทางกัน แม้จะเข้าเส้นชัยเบียดๆคนเข้าออกหน่อย แต่ก็ยังถือว่าโอเค กดถ่ายวีดีโอก่อนเข้าเส้นชัยนิดนึง ก่อนจ๊อกสบายๆเข้าเส้นไป


  • 5.02 h. official chip time ระยะวิ่ง 44.8 km. ขาดไปหน่อย มัวแต่คิดว่าต้องไปจ๊อกต่อให้ครบ 45 เลยใจลอยๆ พอครบระยะลืมกดหยุดนาฬิกาได้แถมไปอีกหลายนาที แต่โอเค ไม่ได้แข่งกับใคร ยังดีกว่าเป้าหลวมๆที่วางไว้ แถมสภาพร่างกายก็ดีด้วย (จริงๆถ้าไม่วิ่งเอาเวลาหรือทำ PB มาราธอนก็อาจไม่ได้หนักเท่าที่คิดรึเปล่านะ)


  • รับเหรียญ-เสื้อ วนไปเอาอาหาร โทรหาเดียร์ แวะถ่ายรูปที่ระลึก เดินกลับไปรถ ยืดเหยียดนิดนึง แล้วรีบขับกลับ ไปตอนนี้ยังทันข้าวเช้าโรงแรมอยู่ 55+

  • ความเห็นกับเขาค้อมาราธอนหลังวิ่งจบ ถ้าสั้นๆก็ยาก แต่ถ้าซ้อมจนจบมาธาธอนที่อื่นได้ ที่นี่ก็คือสนามภูเขาสนามหนึ่ง อาจจะได้แถมระยะบ้าง ทางขึ้นลงชันสุดๆบ้าง แต่ไม่ได้เหนื่อยกว่า มาราธอนปกติขนาดนั้น โดยเฉพาะถ้าตั้งใจมาวิ่งสบายๆไม่ทำเวลา จะเป็นสนามที่น่ามามาก  

  • ป้ายห้อย “ยากที่สุดในประเทศไทย” อาจมาพร้อม “วางเส้นทางประทับใจที่สุดในประเทศไทย” (จากประสบการณ์ตอนนี้) งานไม่ได้ยิ่งใหญ่หรือเป๊ะแบบ world label อย่างพวก BS ATM แต่ไม่มีอะไรแย่ ผ่านมาตรฐานกลางๆได้สบาย

  • ชวนเพื่อนมาได้ แนะนำด้วยว่าควรมาซักครั้งถ้ายังเป็นนักวิ่งมาราธอน แต่ในเงื่อนไขอย่างน้อย ต้องซ้อมครบฟลูมาราธอน และอย่ามีปัญหาเข่า ข้อ ITB ยังไงซะ gain 823m. ก็ส่งผลกับร่างกายแน่ๆ

  • ชอบและประทับใจ แต่ยังไม่คิดจะซ้ำนะ บอกแล้วว่าอยากมาลองซักครั้งเฉยๆ



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น